หลังจากหายไปนาน…มาก ซึ่งแอดก็ไม่มีอะไรจะแก้ตัวค่ะ เพราะก็หายไปจริง ๆ แหะ 🥲 ช่วงปีสามเทอมสองเป็นอะไรที่หนักจริง ๆ นะ ชีวิตช่วงนี้ก็จะหนัก ๆ เป็นพิเศษ
อะ มาเข้าเรื่องกัน
คิดว่าหลายคนน่าจะรู้เรื่องมาบ้างแล้วว่าคณะเภสัช ม.มหิดล มีการจัดส่งอุปกรณ์ทำแลปมาให้นักศึกษาถึงที่บ้าน เพื่อให้นักศึกษาได้ทำแลป from home กัน ซึ่งใช่ค่ะ แอดก็คือหนึ่งในนั้น วันนี้แอดเลยจะมารีวิวความวุ่นวาย…เอ้ย! ความบันเทิงของการทำแลปที่บ้านให้รู้กันพอกรุบ ๆ ค่ะ
🛏 เมื่อไหร่ที่ห้องนอนกลายเป็นห้องแลป วันนั้นห้องนอนจะกลายเป็นนรก
สัจธรรมที่แอดเพิ่งได้รับรู้มาเลยค่ะ 5555555 แต่ถ้าคนอื่นจัดการชีวิตตัวเองได้ดีกว่าแอด เขาก็คงไม่เจอปัญหาแบบแอดแหละ แต่เพราะตอนเรียนที่บ้านแอดเองก็มีข้อจำกัดหลายอย่าง ทำให้ต้องขนอุปกรณ์ทำแลปทุกอย่างมาทำที่ห้องนอน เพื่อความเป็นส่วนตัว
ผลคือ…โต๊ะทำงาน ชั้นเก็บของ ตู้เสื้อผ้า เตียงนอน ก็คือเต็มไปด้วยอุปกรณ์การทำแลประเกะระกะ มองไปทางไหนก็เห็นแต่ของทำยา บางครั้งแอดก็ทำยาหก…เอ้าเช็ดค่า เช็ดวนไป เช็ดดดด
เช็ดแม่_ // ตี๊ดดดด เซ็นเซอร์
ตำรับยาที่ทำคือตำรับที่เป็น Mucilage คือจะเป็นยาที่มีลักษณะหนืดเหนียว ทำหกทีเหนอะหนะไปหมด อุปกรณ์และวิธีการทำแลปที่ อ. ให้มาทำที่บ้าน อ. คิดไว้แล้วว่าต้องมีความปลอดภัย สามารถทำได้โดยไม่เกิดอุบัติเหตุรุนแรง
แต่แอดก็ยังแอบมือสั่นตอนทำแลปอยู่ดี…ไม่ใช่อะไรนะ แต่…
อาจารย์ส่ง “โกร่งกระเบื้อง” มาให้ทำยาที่บ้าน!!!
ตอนเปิดกล่องมาเห็นโกร่งครั้งแรกแอดแทบกรี๊ด ราคาของมันน่าจะประมาณ 4-5 พันบาท คือมันก็ใช่แหละที่ถือว่าไม่ได้แพงอะไรถ้าเทียบกับอุปกรณ์ทำแลปทั่วไป แต่มันแพงเกินไปมากกก สำหรับการส่งให้นักศึกษามาทำแลปเอง “ที่บ้าน” แบบ “หนึ่งคนต่อหนึ่งอัน”
อาจารย์ใจป้ำมากค้า แต่นักศึกษากลัวทำแตกคาบ้านจังเลยค่า TT
ขั้นตอนการทำแลปไม่ยุ่งยากมาก ถ้าทำในห้องแลปแป๊บเดียวคงเสร็จ แต่เพราะมันเป็นการทำแลปที่บ้านอะเนอะ พวกอุปกรณ์ไรงี้ก็ค่อนข้างไม่พร้อม มันก็เลยจะช้าหน่อย
ถามว่าเมื่ออุปกรณ์ไม่พร้อมแล้ว พวกเราทำกันยังไง
- ใช้แก้วน้ำแทนบีกเกอร์
- ใช้ตะเกียบแทน stirring rod
- ใช้ด้ามช้อนชงกาแฟแทน stirring rod
- ใช้ด้ามช้อนส้อมที่มีรอยโค้งงอแทนช้อนเขา (สำหรับคนที่ อ. ไม่ได้ส่งไป)
- ใช้ขันน้ำแทนบีกเกอร์ waste
ในระหว่างการทำแลป ก็จะต้องมีการใช้น้ำร้อน น้ำเย็น ขั้นตอนนี้แอดวิ่งสนุกเลยค่ะ (แอดเองก็โง่ไม่ได้เอาเครื่องทำน้ำร้อนมาไว้บนบ้านอะเนอะ) เลยวิ่งขึ้นวิ่งลง วุ่นวายกับน้ำร้อนน้ำเย็นนี่แหละ
แล้วพอนึกภาพออกมั้ยคะ แบบการตักสารให้ได้ปริมาตรตามที่ต้องการโดยไม่ใช้เครื่องชั่ง (…) คืออาจารย์น่ารักมากที่อุตส่าห์ตักสารตัวอย่างหนึ่งกรัมมาให้ เราจะได้กะปริมาณด้วยสายตาได้ว่าหนึ่งกรัมน่าจะประมาณไหน แต่เฮ้! มันจะไปกะเป๊ะได้ยังไง
และเพราะอย่างนี้ Product ที่ได้เลยมีความแกว่งสูงมาก
ความหนืดของตำรับยา Mucilage ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของพอลิเมอร์ที่เราใส่ลงไปในสารละลายว่าเราใส่ไปเข้มข้นมากน้อยแค่ไหน ความแกว่งที่แอดพูดถึงก็คือ ความแกว่งของความหนืดของสารที่เกิดจากการที่แต่ละครั้งเรากะปริมาณพอลิเมอร์ที่ใส่ลงในสารละลายไม่เท่ากัน ยาบางขวดที่แอดทำนี่ยืดเป็นเส้นสวยงามเชียว แต่บางขวดก็…แหะ ไหลลื่นเชียว ใส่น้อยไป สรุปทำใหม่ 5555555
ระหว่างทำแลป อาจารย์ให้เปิดกล้องตามความสมัครใจ ถ้าใครเปิดอาจาร์จะช่วยเช็คเทคนิคการทำแลปให้ หรือบางทีก็แนะว่าขั้นตอนต่อไปควรทำยังไง อาจารย์เข้าใจเด็กมาก บางคนกะปริมาณพอลิเมอร์น้อยไป ได้ยาออกมาไม่ได้ความหนืดตามที่ต้องการ อาจารย์ก็บอกว่า แค่ให้เห็นว่าหนืดกว่าน้ำก็พอ มากน้อยแค่ไหนช่างมัน
หลังทำเสร็จ ก็ถ่ายรูปหรือวีดีโอ ส่งลักษณะของผลิตภัณฑ์ไปให้อาจารย์เป็นอันเสร็จ
แต่ชีวิตของแอดยังไม่เสร็จ เพราะหลังจากจบแลปแล้วต้อง “เคลียร์” ห้องนอนตัวเอง นั่นก็เพิ่งจะเป็นการเริ่มต้นเข้าขุมนรกเท่านั้น!
เละ…เละ…เละ // กุมขมับ
แอดเป็นคนแตกตื่นง่ายเวลาทำแลป แตกตื่นชนิดที่ว่า ขอให้มี Product ส่งอาจารย์ก็พอ อย่างอื่นเป็นไงไว้ทีหลัง เพราะฉะนั้นระหว่างทำแลป แอดก็ทิ้งอุปกรณ์นู่นนี่นั่นไว้ทั่ว กระจัดกระจายเต็มห้อง ไหนจะสาร ผงยาต่าง ๆ ที่ทำหกอีก
แอดทำแลปเสร็จประมาณห้าโมงครึ่ง แต่กว่าจะลากสังขารตัวเองจากห้องนอนได้สรุปคือใช้เวลานานมาก…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…ห้องนอนกับห้องแลปเป็นอะไรที่ไม่ควรมาฟิวชันกัน อาเมน…
ปล.ปกติแอดจะเลี่ยงการเอ่ยชื่อมหาลัย พอครั้งนี้มีการเอ่ยชื่อก็กังวลเป็นพิเศษ เลยอยากประกาศอีกครั้ง ว่าโพสต์นี้แอดเขียนขึ้นเพื่อความบันเทิง หากสร้างความเสียหายให้คณะประการใด แอดยินดีลบโพสต์ให้นะคะ
Share this: