แชร์ประสบการณ์ส่วนตัว ค้นหาตัวเองยังไงให้รู้ว่าอยากเข้าเภสัช

ในระหว่างการสอบมิดเทอม และการแอบซุ่มทำคอนเทนต์ของแอดมิน วันนี้พี่ขอมาแทรกด้วยโพสต์แชร์ประสบการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ พอกรุบกริบให้น้อง ๆ มัธยม ที่กำลังค้นหาตัวเองก่อนดีกว่านะคะ ^^ ไม่ว่าน้องจะกำลังค้นหาตัวเองอยู่ หรือแอบมอง ๆ คณะเภสัชไว้บ้างแล้ว ก็ขอให้โพสต์นี้มีประโยชน์กับน้องบ้างเนอะ 🙂

ก่อนหน้านี้พี่ได้ไปเห็นโพสต์หนึ่งที่บอกว่า เลือกเข้าคณะที่ตัวเองชอบ อิน จะได้ใช้ชีวิตกับมันอย่างมีความสุข พี่ก็เลยนึกย้อนมาถึงประสบการณ์ส่วนตัวของตัวเอง แล้วก็อยากแชร์ในมุมของตัวพี่เองบ้าง ถึงเหตุผลที่ทำให้พี่อยากเข้าเภสัชมาในครั้งนี้

จริง ๆ แล้วจุดเริ่มต้นของพี่ ไม่ได้อยากเข้าคณะเภสัชตั้งแต่แรก การที่พี่เลือกคณะเภสัช มันเกิดจากหลายเหตุผลรวมกัน ทั้งเหตุผลด้านความชอบ เหตุผลทางสังคม การพูดคุยกับครอบครัว ฯลฯ

จุดเริ่มต้นจริง ๆ ของพี่ คือพี่เป็นเด็กสายวิทย์คนหนึ่งที่มีความชอบในด้านวิทยาศาสตร์จริง ๆ นั่นแหละค่ะ

แต่พี่ก็เป็นเด็กทั่วไปที่มีความชอบหลายอย่าง ตัดสินใจได้หลายทาง พี่ชอบวิทยาศาสตร์ ชอบเรียน ชอบอ่านงานวิจัย ชอบทำความเข้าใจธรรมชาติของโลกด้วยหลักการวิทยาศาสตร์ แต่ในขณะเดียวกันพี่ก็ชอบเขียน (ถึงได้มาเป็นแอดมินทุกวันนี้) ที่ผ่านมาพี่เองก็สร้างงานเขียนมาเยอะพอสมควร เช่นพวกกระทู้รีวิว แชร์ประสบการณ์ต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งเขียนนิยาย

พอถึงเวลาที่มาถึงทางแยกที่ต้องเลือก สิ่งแรกที่พี่ถามตัวเองคือ ความชอบอะไรบ้างที่เราสามารถนำมาเป็นอาชีพของเราได้ ความชอบแบบไหนที่เราพร้อมจะอยู่กับมันตลอดชีวิต ความชอบแบบไหนที่ไม่ว่าเราจะเจออะไร เราจะยังยึดมั่นกับมันไม่เปลี่ยนแปลง

ตอนนั้นพี่เองก็ยอมรับกับตัวเองค่ะว่า บางทีความชอบบาบอย่างของคนเราก็ไม่เหมาะที่จะเอามาใช้ทำอาชีพจริง หลายอย่างเก็บไว้เป็นงานอดิเรกดีกว่า เช่นความชอบทางด้านการเขียนของพี่เป็นต้น ตอนนั้นพี่ไม่สามารถนึกภาพตัวเองประกอบอาชีพในสายนี้ออกได้เลย

ในทางกลับกัน ความชอบทางด้านวิทยาศาสตร์ของพี่ เป็นสิ่งที่ดูจับต้องได้ในตอนนั้น สายงานทางด้านวิทยาศาสตร์หลายสายงานเป็นสิ่งที่มองเห็นได้ (อย่างน้อยก็ในสายตาเด็ก ม.ปลาย สมัยก่อน) อีกเหตุผลคือ ความชอบทางด้านวิทยาศาสตร์เป็นความชอบที่ไม่น่าถูกทำให้เป็นงานอดิเรกได้ ในโซเชียลเน็ตเวิร์คมีบทความวิทยาศาสตร์เทียม (Pseudoscience) และงานวิจัยที่สรุปผลเกินจริง (Over exaggerated) มากมาย ลำพังถ้าเราอาศัยจับฉ่ายดูนู่นนี่ไปเรื่อย มันคงเป็นเรื่องยากที่เราจะสามารถตรวจสอบและตั้งคำถามเกี่ยวกับงานวิทยาศาสตร์ที่เราได้อ่านอย่างถูกต้อง

ถ้าเราอยากเรียนรู้เรื่องวิทยาศาสตร์อย่างลึกซึ้งและจริงจัง การเรียนในระบบที่ดี และมีทรัพยากรที่พร้อมถือเป็นเรื่องจำเป็น รวมถึงการได้ทำงานวิจัย คิดค้นทดลอง ซึ่งสิ่งเหล่านั้นมีเพียงการศึกษาในมหาวิทยาลัยที่ตอบโจทย์ได้ (นี่คือเหตุผลที่ทำให้ส่วนตัวแอดมองว่า ถึงในอนาคตการศึกษานอกตำราจะมีมากขึ้น และมหาวิทยาลัยอาจถูกลดความสำคัญลง แต่ตราบใดที่องค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ยังคงต้องได้รับการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น มหาวิทยาลัยจะไม่มีทางหมดไป)
ด้วยเหตุผลนี้ พี่เลยสโคปความชอบของตัวเองมาทางสายวิทย์ แต่แม้แต่ในสายวิทย์เองก็มีงานหลากหลาย สุดท้ายจะเลือกยังไงต่อดีล่ะ

ช่วงนั้นพี่อาศัยการสืบค้นข้อมูลเอง บวกกับปรึกษาพ่อแม่ ครูแนะแนวที่โรงเรียน และในที่สุดก็ได้ผลออกมาว่า งานที่มีความมั่นคงที่สุดในงานสายวิทยาศาสตร์ทั้งหมด และมีแนวโน้มที่ดีในอนาคต คือ งานสายวิทยาศาสตร์สุขภาพ

หมอ พยาบาล เภสัช เทคนิคการแพทย์ รังสีเทคนิค กายภาพบำบัด ฯลฯ อะไรก็ตามที่ทำงานในโรงพยาบาล ตอนนั้นพี่มองเป็นกลุ่มคณะ ไม่ได้จิ้มเลือกคณะที่จำเพาะเจาะจง แล้วก็มุ่งเตรียมตัวสอบเข้าคณะกลุ่มนี้แหละ

ยังไงก็ตาม ด้วยความที่พี่ชอบวิชาวิทยาศาสตร์ แต่พี่ก็ไม่ได้ถนัดสาขาไหนของวิทยาศาสตร์ (ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ) เป็นพิเศษ ความชอบทางด้านเคมีพี่พอมีอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้โดดไปจากฟิสิกส์หรือชีวะขนาดนั้น ดังนั้นพอสอบติดที่คณะเภสัช พี่เลยไม่สามารถตอบคำถามอาจารย์ที่สัมภาษณ์ได้อย่างเต็มปากว่า ที่เข้ามาเรียนเภสัชเนี่ย พี่ชอบเคมีมากที่สุดหรือเปล่า

หลังจากเข้ามาเรียนแล้ว ผลปรากฎว่าพี่แฮปปี้กว่าที่คิดคณะเภสัชเป็นคณะที่ตอบโจทย์พี่มาก ทั้งเป็นคณะที่มองเห็นสายการทำงานได้อย่างชัดเจน และใช้องค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ที่พี่ชอบ อย่างแรกคือต้องขอขอบคุณวิชาแนะนำวิชาชีพเภสัชกรรมที่ได้เรียนตอนปีหนึ่ง วิชานั้นเป็นวิชาเปิดโลกเภสัช ทำให้พี่สนใจและมีแพชชันในการเรียนเภสัชอย่างแท้จริง

อะ มาด้านที่แอบหม่นของคณะเภสัชบ้าง หลังจากหาตัวเองพบแล้ว มีแพชชันในการเรียนแล้ว ทุกอย่างดูเหมือนจะดี แต่สุดท้ายแล้วชีวิตคนเรามันก็ไม่มีทางสมบูรณ์แบบหรอกค่ะ

คณะเภสัชเป็นคณะที่เรียนหนักมาก นักศึกษารู้ อาจารย์รู้ ทุกคนรู้ แล้วหนักในที่นี้ไม่ใช่แค่หนักเล่น ๆ หนักจริงหนักจังแบบที่ทำให้พี่ร้องไห้มาหลายรอบ ร้องไห้คาหนังสือด้วยซ้ำ กล้ำกลืนฝืนทนทุกข์ระทมกับชีวิตมาก

พอมาถึงตอนนี้ แอดมินอยากบอกกับนักศึกษาเภสัชเพื่อนร่วมชะตากรรมที่หลงมาอ่านถึงตรงนี้ว่า เป็นกำลังใจให้นะคะ ต่อให้เราเข้ามาด้วยความชอบขนาดไหน แต่สุดท้ายแล้วความชอบมันไม่ใช่ทุกอย่าง ระบบการเรียนการสอนที่พวกเราต้องเจอเป็นยังไงชาว นศภ มองหน้าก็รู้ใจ (เหนื่อยใจ) สิ่งที่ทำให้เรามาอยู่ตรงนี้ได้ คือความชอบ ส่วนสิ่งที่จะทำให้เราก้าวต่อไปจนเรียนจบ มันคือความอดทน

ตอนนี้หลายคนคงเจอกับภาวะหมดไฟ (Burn out) อยู่ แอดรู้เพราะแอดก็เป็น 😂 และเพราะแอดเป็น ดังนั้นเลยอยากบอกกับทุกคนว่า ถ้าเมื่อไหร่เราท้อแท้ สิ้นหวัง หมดไฟกับปัจจุบัน อยากให้มองย้อนไปว่าอะไรที่ส่งให้พวกเราได้มายืนอยู่ตรงนี้ ที่ที่เรายืนอยู่ตรงนี้ มันคือความหวัง มันคือความฝัน และมันคือความพยายามของเราในตอนที่เราอยู่มัธยม การสอบเข้าคณะเภสัชมันไม่ง่าย มันใช้ความพยายามมากมาย และพวกเราก็เข้ามาอยู่กันตรงนี้ที่นี่แล้ว ด้วยแรงใจด้วยความฝันของเราในเวลานั้น แอดอยากให้ทุกคนลองมองไปที่ตัวเองในเวลานั้น เผื่อจะช่วยเยียวยาจิตใจในตอนนี้ได้บ้างนะคะ ^^

ตอนนั้นเราพยายามมากแล้ว และเราก็ดีมากพอแล้วที่สามารถเอาตัวเองมาอยู่ตรงนี้ได้ ดังนั้นตอนนี้ก็ช่วยอ่อนโยนกับตัวเองหน่อยนะ 🧡

อะ มา สรุปสุดท้าย การเลือกคณะของคนคนหนึ่ง มีความชอบเป็นหลักก็จริง แต่ยังไงก็อย่าลืมว่า ชีวิตของคนเรานั้นมีปัจจัยมากมาย ความชอบบางอย่างสามารถนำมาประกอบอาชีพได้ ความชอบบางอย่างเหมาะสมกว่ากับการนำมาเป็นงานอดิเรก ความชอบบางอย่างเป็นความชอบที่เป็นไปตามกระแสสังคม แต่บางอย่างก็ไม่ พวกเรากำลังใช้ชีวิตอยู่ในสังคมที่มีการแข่งขันกันตลอดเวลา การที่เราตัดสินใจเลือกความชอบ เลือกทางเดินอย่างใดของเราแล้ว พี่อยากให้น้องมั่นใจว่า ความชอบนั้นของน้อง ความสามารถนั้นของน้อง จะเป็นความชอบและความสามารถที่น้องจะสามารถพัฒนาให้เท่าทันโลก และอยู่ได้ในสนามการแข่งขัน และดีมากพอที่เราจะสามารถอยู่กับมันได้และนำมันมาประกอบอาชีพได้ในที่สุด

ป.ล. แอดขออภัยมา ณ ที่นี้ถ้าโพสต์นี้ทำให้คนที่ทำงานสายผลิตไม่พอใจ แอดเพียงแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวและความคิดของแอดในช่วงเวลามัธยม ในการตัดสินใจสอบเข้าคณะเภสัชเท่านั้น แอดไม่ได้บอกว่า การเลือกทำงานสายผลิตจะไปไม่รอด มันก็เป็นแบบที่แอดพูดในย่อหน้าสุดท้าย ว่าเรากำลังใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่มีการแข่งขันตลอดเวลา ซึ่งถ้าเรามีความชอบใด ๆ (รวมถึงความชอบในงานสายผลิตด้วย) ที่สามารถแข่งขันกับคนอื่นและนำความชอบนั้นมาประกอบอาชีพได้จริง เราก็จะสามารถใช้ชีวิตกับความชอบเหล่านั้นได้อย่างมีความสุข และหาเงินได้ไม่แพ้ความชอบในสายงานวิทยาศาสตร์เลย


Share this:

Posted in บทความ.

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *