SOTUS กับการซิ่ว ?

1. ซิ่วหาที่ใหม่
โอกาส : มีโอกาสค้นพบที่ๆเหมาะสมกับตัวเอง
ความเสี่ยง : เสียเวลา 1 ปี มีโอกาสเจอปัญหาเก่าในที่ใหม่ และปัญหาใหม่ๆที่ไม่มีในที่เก่า

2.อดทนให้ผ่านไป
โอกาส : เดี๋ยวผ่านปี 1 ไป ก็คงสบายขึ้นเอง
ความเสี่ยง : ใช้พลังใจมาก อยู่อย่างทรมานจิตใจจนรับน้องจบ

3.พยายามปรับตัวให้เข้ากับที่ๆอยู่ปัจจุบัน
โอกาส : ถ้าทำได้ ก็จะอยู่ได้อย่างมีความสุข
ความเสี่ยง : ต้นทุนในการปรับสูงอาจสูงเกินไป หากปรับตัวไม่ได้จะเสียเวลาฟรีๆ

4.รวบรวมสมัครพรรคพวก ลุกขึ้นมาต่อต้าน เรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
โอกาส : มีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้สำเร็จ
ความเสี่ยง : ใช้แรงกายและใจมาก ต้องเจอกับแรงกดดันจากเพื่อน รุ่นพี่ และสังคมมหาศาล

5.อาศัยช่องทางทางกฏหมาย
โอกาส : ปกป้องตัวเองด้วยช่องทางทางกฏหมาย
ความเสี่ยง : อาจโดนกฏหมู่กดดันมากกว่าเดิม

6.เล่นการเมืองภายใน รวบรวมอำนาจ รอเวลา แล้วปฏิวัติ
โอกาส : ได้ควบคุมอำนาจเบ็ดเสร็จในสโมสรนักศึกษา เปลี่ยนแปลงได้ตามใจชอบ
ความเสี่ยง: ใช้เวลามาก ต้องเจอกับแรงกดดันและการเมืองภายในฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย

7.ไม่ทำอะไรเลย
โอกาส : ได้ประสบการณ์รับน้อง ไม่เสียเวลาคิด ประหยัดแรงกายและใจในการต่อต้าน
ความเสี่ยง : ถูกรับน้อง เสียพลังกายและใจ

ไม่ว่าจะเลือกทางไหน มันก็มีโอกาส ต้นทุนและความเสี่ยงที่ต่างกัน

เหมือนน้องบอกว่าน้องซิ่วเพราะอยากเรียนคณะที่ชอบ โอกาสคือได้เรียนคณะที่ชอบ และถ้าน้องทำได้ดีและมีความสุขกับคณะรวมถึงงานที่จะทำในอนาคตไปตลอดชีวิต โดยที่เสียเวลาไป 1 ปี กับความเสี่ยงในการปรับตัวเข้ากับสังคมใหม่ๆ แบบนี้มันก็คุ้ม แต่ส่วนใหญ่มันไม่ใช่แบบนั้น เพราะเราจะเริ่มคิดเรื่องซิ่วก็ต่อเมื่อเรารู้สึกไม่มีความสุข จากนั้นเราจะเริ่มชั่งน้ำหนักเรื่องซิ่วดีหรือไม่ซิ่วดีโดยใช้อารมณ์เป็นตัวตั้ง หากผลออกมาเป็นซิ่ว เราก็จะหาเหตุผลข้อ 1 2 3 4 ว่าซิ่วแล้วดียังไง ทำไมต้องซิ่ว

เพราะฉะนั้นก่อนซิ่ว แนะนำว่า อยากให้ตัดเรื่องอารมณ์ออกไปให้หมดครับ ค่อยๆลิสออกมาทีละข้อว่า ซิ่วแล้วดียังไง เพราะอะไร แล้วเราต้องเสียอะไร ต้องเจอความเสี่ยงอะไรบ้างจากการซิ่ว สำหรับเรื่องอารมณ์ เช่น ความสุข ให้เอามาอยู่ในลิสเฉยๆและมองมันเหมือนเป็นข้อดีข้อหนึ่งที่อาจจะมีน้ำหนักมากน้อยแล้วแต่เรา แต่อย่าเอามาเป็นตัวตั้งตั้งแต่แรกเริ่ม ไม่งั้นการตัดสินใจเราจะมี bias