ในทุกๆ ปีจะมีเด็กหลายคนที่ต้องมาตกมาตายเพราะสนามสอบที่ง่ายที่สุดอย่างสนาม O-NET ซึ่งก็คงเกิดขึ้นได้ทั้งจากความประมาท การไม่เตรียมตัว หรือโชคชะตาบันดาลให้พลาดหรืออะไรก็ตามแต่
แอดไม่อยากให้ใครประมาท หรือต้องพลาดในสนามนี้นะคะ เพราะ O-NET มีความสำคัญสำหรับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยมากทีเดียว
- เป็นสนามสอบที่สอบได้เพียงครั้งเดียว และคะแนนจะติดตัวเราไปตลอดชีวิต ต่อให้ปีหน้าซิ่วใหม่ กลับมาสอบ GATPAT 9 วิชาสามัญใหม่ แต่ ONET ของน้องจะยังเป็นคะแนนเดิม
- ถ้าคะแนนน้อยมากๆ อาจจะดึงคะแนน GATPAT ของเราลงมาอย่างไม่น่าให้อภัยเลยล่ะ
- แต่ถ้าคะแนนเยอะ มันจะช่วยผ่อนภาระในการเก็บ GATPAT ลงเยอะ
- ยกตัวอย่างนะ สมมติพี่อยากเข้าคณะที่ใช้ GAT ล้วนคณะนึง
ถ้าพี่ได้เกรดเลขกลมๆ เลย 3.00 (คิดเป็น 4,500 จาก 30,000) ได้โอเน็ต 200 (คิดเป็น 3,600 จาก 30,000)
แล้วเป้าหมายของพี่คือ 20,000
ทีนี้พี่มีคะแนนตุนเท่าไหร่ 4,500 + 3,600 = 8,100
หมายความว่าพี่ต้องได้ GAT เพิ่ม 11,900 คะแนน ซึ่งคิดเป็นคะแนนดิบคือ 238 คะแนน
แล้วลองคิดอีกแง่ ถ้าพี่ได้เกรดเท่าเดิมเลย 3.00
แต่ O-NET 300 แต้ม (คิดเป็น 5,400 จาก 30,000)
แล้วเป้าหมายเท่าเดิม 20,000 คะแนน
พี่ได้คะแนนตุนจากโอเน็ตกับเกรดแล้วเท่าไหร่ 4,500 + 5,400 = 9,900
ดังนั้น พี่ต้องทำ GAT เพิ่ม 10,100 คิดเป็นคะแนนดิบ 202 คะแนน
เป็นไงล่ะ ต่างจากเคสเมื่อกี๊ 36 คะแนน ความรู้สึกต่างกันมั้ย - อันนี้คาดว่าใครหลายคนคงรู้อยู่แล้ว คือถ้าได้ O-NET ต่ำกว่า 300/500 คะแนน จะหมดสิทธิ์สอบ กสพท ถ้าอยากสอบ ต้องซิ่วใหม่ปีหน้าอย่างเดียว
คาดว่าน้องๆ คงพอเห็นภาพความสำคัญของสนามสอบ O-NET ขึ้นมาแล้วเนอะ ซึ่งถามว่าคะแนน O-NET ที่ควรได้สำหรับการสอบเข้าใดๆ เป็นเท่าไหร่ แอดก็จะขอเก็งตามเกณฑ์ กสพท เลยซึ่งก็คือ 300+ นั่นแหละค่ะ
สำหรับน้องๆ ที่ผ่านการเตรียมตัวสอบสนามอื่นมาอย่างโชกโชนแล้ว O-NET คงไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ควรฝึกไว้ไม่ประมาท และสำหรับการฝึก แอดก็แนะนำให้ฝึกทำข้อสอบเก่าจากเว็บออฟฟิเชียลของทาง สทศ ตางลิงค์ด้านล่างนี้เลยค่ะ
>> http://www.niets.or.th/examdownload/
Share this: