จากประสบการณ์ของแอดแล้ว แอดว่าคณะเภสัชฯ ถือเป็นคณะหนึ่งที่สอบเข้ายาก เรียนก็ยาก ทุกอย่างยากไปหมด ตอนสอบเข้ามาการแข่งขันว่าสูงแล้ว พอเข้ามา การแข่งขันกลับถึงกับสูงยิ่งกว่า
สูงในที่นี้ ไม่ได้หมายความว่าคู่แข่งของเราเยอะ แต่หมายความว่า คู่แข่งที่มาแข่งกับเรา คือคู่แข่งคุณภาพ
หลังจากสอบเข้ามาแล้ว ความเครียดไม่ได้ลดลงเลย
ถ้าน้องอยากสอบเข้ามาในสายนี้ มันมีอะไรหลายๆ อย่างที่ต้องแลก ทั้งการบริหารจัดการกับความเครียดที่สูงขึ้น การถูกเปรียบเทียบกับคณะที่มีคะแนนสอบเข้าสูงกว่า ความกดดัน ความคาดหวัง และการผิดหวังที่เป็นเรื่องปกติ
พวกเราเรียนหลักสูตรที่มากกว่าปริญญาตรีทั่วไปถึง 2 ปี เทียบเท่าหมอ ขณะที่เราเรียนจบปริญญาตรี เพื่อนคณะอื่นของเราจบปริญญาโท เราเรียนจำนวนปีเท่าหมอ แต่ค่าตอบแทนของเราน้อยกว่าหมอหลายเท่า
ซึ่งมันก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละบุคคล แอดว่ามันคุ้มที่จะแลกการเหนื่อยยาวนาน 6 ปี กับเงินเดือนที่น้อยกว่าหมอ…เพราะอะไร
เราจะมองข้ามความชอบไป แอดอาจจะชอบเรียนวิชาวิทยาศาสตร์เป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็จริง แต่การเลือกคณะหนึ่งๆ มันมีมากกว่าความชอบเนอะ
เพราะคณะเภสัช แม้จะเรียนเหนื่อย 6 ปี แต่ก็จบมามีการงานทำมั่นคง และมีเงินเดือนเริ่มต้นที่สูงกว่าปริญญาตรีทั่วไป มากพอที่จะทำให้เราเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ แม้จะไม่เท่าหมอ แต่ก็คุ้มค่ากับเวลาชีวิตที่มีมากกว่า และการมีอิสระมากกว่า
อย่างไรก็ตาม คณะเภสัชฯ ก็เป็นอีกคณะหนึ่งที่มีทั้งข้อดีข้อเสียนั่นแหละค่ะน้อง คณะเราอาจจะเป็นคณะต้นๆ ที่เด็กมัธยมหลายคนอยากสอบเข้ามา แต่เราก็มีหลายอย่างที่ต้องจ่ายตั้งแต่ตอนสอบเข้า ซึ่งก็ได้แก่ความตั้งใจเพียรพยายามอ่านหนังสือ ซึ่งพอสอบเข้ามาได้แล้ว เราก็ไม่ได้อ่านหน้งสือน้อยลงเลย
น้องรับได้มั้ย…กับแรงกดดันของการเข้ามาเรียนในคณะที่เด็กโอลิมปิกวิชาการเดินชนไหล่กันเป็นว่าเล่น
น้องรับได้มั้ย…ถ้าวันนึงเราจะตกจากท็อปโรงเรียนเป็นล่างคณะ
น้องรับได้มั้ย…กับการใช้ชีวิตห้อมล้อมไปด้วยผู้คนที่อ่านหนังสือและพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา
น้องรับได้มั้ย…กับความคาดหวังและแรงกดดันต่างๆ ที่ได้รับมาจากผู้ใหญ่
น้องรับได้มั้ย…ถ้าวันนึงเราอาจต้องเสียสละความชอบส่วนตัวและชีวิตวัยรุ่นบางส่วนไปเพื่อเอาเวลามาอ่านหนังสือ
ถ้าน้องคิดว่าน้องชอบ น้องรับได้ น้องพร้อมสู้ น้องพร้อมที่จะอยู่กับคณะที่มีทั้งข้อดีและข้อเสียปะปนกันนี้
พี่ขอยินดีต้อนรับเข้าสู่รั้วเขียวมะกอกค่ะ 🙂 💚
Share this: