คณะเภสัช ยังเป็นคณะที่น่าเรียนอยู่มั้ยในปัจจุบัน

เป็นอีกคำถามที่มีคนทักมาถามค่อนข้างเยอะ ซึ่งคนที่ตอบแชทส่วนใหญ่ (ที่หมายถึงทั้งหมด 😂) จะเป็นแอดมินพี่อู๋ 555555555 พอมาวันนี้ แอดมินอีกคนที่หายจากเพจไปนานมาก (ชื่อมิ้น ปัจจุบันเรียนอยู่ปี 4 ขึ้นปี 5 มหาวิทยาลัยมหิดลค่ะ) ขอออกมาตอบในมุมมองของพี่ (ขออนุญาตแทนตัวว่าพี่นะคะ) บ้างค่ะ
คือคำถามนี้เอาจริงมันตอบยากมากนะ เพราะเทรนด์ของโลกสมัยนี้มันเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก วันหนึ่งอาชีพหนึ่งอาจจะดัง วันต่อมาอีกอาชีพอาจจะพุ่งแรงกว่าก็ได้ การถามถึงแนวโน้มของอาชีพเภสัชในอีก 5-10 ปีข้างหน้าว่าจะเป็นยังไงต่อไปมันเลยเป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้ยากมากจริง ๆ

ในส่วนมุมมองของพี่เอง ต้องยอมรับว่าอาชีพเภสัชกรเดี๋ยวนี้อาจจะไม่ได้มีภาษีดีเท่าเมื่อก่อนแล้ว จากการที่แต่ละปีมีนักศึกษาเภสัชศาสตร์จบมาค่อนข้างเยอะ และมันก็เริ่มมีการแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งงานต่าง ๆ การเรียนเภสัชไม่ได้การันตีว่าเรียนจบไปจะหางานง่าย และจะได้ตำแหน่งดี ๆ อย่างแน่นอนเสมอไป
คือมันอยู่ในจุดที่…ถามว่าจะตกงานมั้ย ก็ไม่ตกนะ มีงานทำแน่ ๆ ล่ะ แต่จะเป็นงานที่เราต้องการมั้ย อันนี้อะตอบไม่ได้ เพราะตำแหน่งงานที่ฮอตฮิตหลาย ๆ ตำแหน่งของเภสัชมันก็มีการแข่งขันที่อาจจะดุเดือดในบางที

เรียนจบจากคณะเภสัช ไม่เลือกงานไม่ยากจนค่ะน้อง พี่บอกได้แค่นี้ 5555555

แล้วพอลองมองแยกสาขา ระหว่างสาขาบริบาลกับอุตสาหการ สองสาขานี้ก็จะมีความแตกต่างกันอยู่เล็กน้อย

พี่อู๋มักจะย้ำเสมอว่าสาขาอุตสาหการเมื่อก่อนอะ ตลาดมันเล็กมาก แต่ก็ขาดแคลนเภสัชกรมากเหมือนกัน ทำให้คนที่เรียนจบสาขาอุตสาหการสามารถมาทำงานสายนี้ได้สบาย ๆ แต่ในสมัยนี้ มันไม่เป็นอย่างนั้นแล้ว ด้วยความที่เริ่มมีคนมา fill เยอะมากแล้ว ทำให้เกิดการแข่งขันแล้ว มันก็ย้อนกลับไปประโยคของพี่ที่ว่า “ถามว่าจะตกงานมั้ย ก็ไม่ตกนะ มีงานทำแน่ ๆ ล่ะ แต่จะเป็นงานที่เราต้องการมั้ย อันนี้อะตอบไม่ได้” นั่นแหละค่ะ

ส่วนสายบริบาล อันนี้พี่กับพี่อู๋คิดเห็นตรงกันว่ายังพอจะมีช่องว่างให้เราเข้าไปได้มากกว่า ยิ่งช่วงหลังมาที่เกิดสถานการณ์ของโควิด วิชาชีพสายสุขภาพหลาย ๆ อาขีพกลายเป็นที่ต้องการของตลาด เภสัชกรเองก็เช่นกัน ร้านขายยาหลาย ๆ ร้านยอมจ่ายเงินเดือนให้กับเภสัชกรในราคาสูง และโรงพยาบาลหลายแห่งก็ยังต้องการเภสัชกร

แต่ข้อเสียของสายบริบาลอย่างหนึ่งคือจะติดเรื่องเงินเดือนค่ะ เงินเดือนของเภสัชบริบาลจะถูกนิยามด้วยคำว่า “ไม่หวือหวา” อารมณ์แบบไม่จนนะแต่ก็ไม่รวย งานบริบาลส่วนมากก็จะเป็นงานรูทีน ก็คือทำเหมือนเดิมในทุก ๆ วัน ใครขี้เบื่อก็คือขิต ซึ่งจะต่างจากสายอุตสาหการที่แม้ตอนเริ่มต้นเงินเดือนจะต่ำกว่าบริบาล แต่เงินเดือนของอุตสาหการจะสามารถไต่ไปได้เรื่อย ๆ จนสูงกว่าบริบาลได้ในที่สุด

สรุปคือ สำหรับน้องที่อยากจะเข้ามาเรียนเภสัชด้วยเหตุผลที่ว่า “อยากจะมีงานทำแน่ ๆ ไม่ต้องตกงาน จะเป็นงานอะไรก็ได้” อันนี้พี่มองว่าคณะเภสัชฯ ยังพอจะตอบโจทย์ได้อยู่ แต่ถ้าใครเข้ามาเรียนโดยหวังรวย หรือได้งานที่อยากได้แบบสบาย ๆ โดยไม่ต้องแข่งขันหลังเรียนจบ อันนี้พี่ส่ายหน้า ว่าคณะเภสัชคงจะให้พ้อยต์นี้กับน้องไม่ได้

สิ่งสุดท้ายที่พี่อยากจะฝากน้อง ๆ ทุกคนคือ โลกสมัยนี้กระแสต่าง ๆ แปรผันไปไวมาเร็วมากนะคะ พี่คิดว่ามันไม่น่าจะมีอาชีพไหนที่ “มั่นคง” ไปตลอดชีวิตของเราเหมือนเมื่อก่อนแล้วล่ะค่ะ เดี๋ยวนี้มีหลายอาชีพที่หายไปและมีอาชีพใหม่เข้ามาแทนค่อนข้างเยอะ หรือแม้กระทั่งการเรียนจบคณะเภสัชหลายครั้งก็อาจจะไม่ได้เป็นเภสัชกรเสมอไป เพราะคณะเภสัชเรา (เภสัชมหิดล) เรียนค่อนข้างจะกว้างและหลากหลาย เรียนไปถึงสมุนไพร อาหาร และเครื่องสำอาง ดังนั้นหากจะมีใครนำเอาองค์ความรู้เหล่านี้ไปต่อยอดไปทำอาชีพอื่นนอกเหนือจากเภสัช หรือเรียนต่อปริญญาโทในคณะอื่น ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้และไม่แปลกอะไร

ในจุดนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือการปรับตัว ไม่ว่าจะเรียนในคณะไหนก็ตาม เมื่อสอบเข้าได้แล้วก็ขออย่าให้ประมาท พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ศึกษากลไกตลาดและความต้องการของสังคม เพื่อที่ว่าไม่ว่ากระแสของโลกจะหมุนเวียนไปทางไหน พวกเราก็จะยังคงสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างรู้เท่าทันค่ะ


Share this:

Posted in บทความ.

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *