พี่เขียนบทความนี้ เนื่องจากมีน้องถามมา แล้วพี่เห็นว่า น่าจะเป็นประโยชน์ต่อน้องคนอื่นๆด้วย พี่จึงคำตอบที่พี่ตอบน้องคนนั้น มาเผยแพร่ในนี้ ทั้งนี้ทั้งนั้น พี่คงให้เป็นแนวทางได้ว่า ควรเตรียมอย่างไร ทำเกรดเท่าไร เน้นวิชาไหน แต่พี่คงให้รายละเอียด How to ไม่ได้ว่า ควรเรียนพิเศษที่ไหน อ่านหนังสือเล่มไหนดี เพราะพี่ร้างวงการสนามสอบมานาน ไม่ได้ไปยุ่งกับเรื่องกวดวิชา หนังสือเตรียมสอบพวกนี้มานานแล้ว
ทำความเข้าใจกันก่อน
ก่อนที่จะเข้าเรื่อง พี่อยากให้น้องทำความเข้าใจใน 2 ประเด็นนี้ก่อน
ประเด็น 1 : อย่างแรก ระบบการรับ เปลี่ยนไปทุกปี น้องต้องตามอัพเดทรายละเอียดในปีที่น้องจะทำการสอบเข้า บทความนี้ให้ดูเป็นแนวทางและแนวคิดเฉยๆ อย่างไรก็ตาม จากสถิติที่ผ่านมา การรับในแต่ละปี จะคล้ายๆเดิม แต่จะเพี้ยนไปเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป กล่าวคือใกล้เคียงในปีที่แล้วมาก แต่ก็ค่อยๆเปลี่ยนไปทีละนิดในแต่ละปี
ประเด็น 2 : อย่างที่สอง น้องต้องเข้าใจก่อนว่า เภสัช มข. แบ่งเป็น 3 ภาค คือ
- ภาคปกติ
- ภาคพิเศษ
- ภาคอินเตอร์
ซึ่งทั้ง 3 ภาค มีรอบในการรับไม่เหมือนกัน ทั้งนี้ ในแต่ละปี การรับอาจไม่เหมือนกัน แต่มักจะคล้ายๆของปีที่แล้ว ซึ่งพี่ขออ้างอิงของปีนี้ (2561) ดังนี้
TCAS แบ่งเป็น 5 รอบ เภสัช มข. มีรับ 4 รอบ
หมายเหตุ ในวันที่เขียนบทความนี้ ประกาศของ มข. มีการรับในคณะเภสัชถึงแค่รอบ 4 ส่วนรอบ 5 จะมีหรือเปล่า ยังไม่มีประกาศใดๆออกมา
รอบ 1 รอบพอร์ต มีรับภาคพิเศษกับอินเตอร์
รอบนี้ภาคพิเศษรับ 20 คน (ไม่อยากให้สนใจที่จำนวนคนมาก เพราะจากสถิติที่ผ่านมา จำนวนรับเปลี่ยนไปทุกปี แต่ตัวเลขอาจจะใกล้ๆเดิม)
ส่วนภาคอินเตอร์แบ่งเป็น 2 แบบ แบบแรกรับจาก รร.ทั่วไป รับ 10 คน แบบที่สองรับจาก รร.นานาชาติ หรือ นร.จากต่างประเทศ รับ 5 คน
ถ้าน้องอยากเข้ารอบนี้ สิ่งที่น้องต้องเตรียมคือ
เกรด+คะแนนอื่นๆ
สำหรับภาคพิเศษ : รอบนี้ ใช้เกรดสูง รับเด็กซิ่ว ภาคพิเศษกำหนดเกรด 3.75 และน้องต้องมีผลการเรียนอยู่ใน 20% แรกของโรงเรียน แล้ววิชาในกลุ่มภาษาไทย คณิต วิทย์ และภาษาต่างประเทศต้องไม่น้อยกว่า 3.5 ดังนั้น หากมีเวลาเหลือ และอยากเข้ารอบนี้ ผลการเรียนสำคัญมาก
สำหรับภาคอินเตอร์ : รับเด็กซิ่ว ใช้เกรดสูงเหมือนกัน คือ 3.70 และน้องต้องมีผลการเรียนอยู่ใน 20% แรกของโรงเรียน นอกจากนี้น้องต้องมีผลสอบวัดความสามารถด้านภาษาอังกฤษดังนี้
– TOEFL ไม่น้อยกว่า 50 (IBT), 400 (PBT), 150 (CBT) หรือ
– IELTS ไม่น้อยกว่า 5.0 หรือ
– TOEIC ไม่น้อยกว่า 500 หรือ
– KEPT ไม่น้อยกว่า 62ดังนั้น หากน้องอยากเข้าภาคอินเตอร์ น้องก็ควรเตรียมตัวสอบวัดความสามารถด้านภาษาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆนะครับ
สำหรับภาคอินเตอร์จากโรงเรียนนานาชาติ : รับเด็กซิ่ว เกรดเฉลี่ยตั้งแต่ grade 10 ถึง 12 ของรายวิชาคณิต ฟิสิกส์ เคมี และชีวะ ต้องไม่น้อยกว่า 3.00 หรือเทียบเท่า ดังนั้นก็ต้องทำเกรดไว้บ้างเหมือนกัน นอกจากนี้ต้องมีผลสอบภาษาอังกฤษดังนี้
– TOEFL ไม่น้อยกว่า 65 (IBT), 500 (PBT), 173 (CBT) หรือ
– IELTS ไม่น้อยกว่า 5.5 หรือ
– TOEIC ไม่น้อยกว่า 650
จะเห็นได้ว่า หากน้องมาจากโรงเรียนนานาชาติหรือต่างประเทศและอยากเข้าภาคอินเตอร์ คณะไม่ได้คาดหวังเรื่องผลการเรียนสูงเท่ากับเด็กที่มาจากโรงเรียนทั่วไป แต่คาดหวังเรื่องความสามารถด้านภาษาสูงกว่ามากพอร์ต
พอร์ต น้องจะต้องมีข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลการเรียน ข้อมูลผลงาน และกิจกรรมต่างๆที่เข้าร่วม ซึ่งคณะค่อนข้างเน้นว่า ผลงานหรือรางวัล ควรเป็นผลงานที่แสดงถึงความสามารถด้านวิชาการ สังคม ความคิดสร้างสรรค์ ความสามารถพิเศษ จิตสาธารณะและผู้นำ
ตรงนี้ พี่ขอเดาใจอาจารย์เลยละกัน เพราะการรับรอบนี้ในสมัยที่ยังไม่เป็น TCAS จะมีรอบที่ไม่มีการสอบรอบเดียวคือรอบโอลิมปิกวิชาการ ดังนั้น หากเป็นรอบแฟ้ม ถ้ามีผลงานโอลิมปิกวิชาการ จะช่วยยืนยันเราเรื่องความสามารถด้านวิชาการเราไปได้เปราะนึง ที่ผ่านมาหากเป็นเด็กโอค่าย 2 บางคนผ่าน บางคนไม่ผ่าน แต่ถ้าเป็นเด็กโอค่าย 3 มักจะผ่านสัมภาษณ์ทุกคน นอกนั้นก็พยายามหาข้อมูลผลงานอื่นๆมาประกอบ ไม่ว่าจะเป็นการตอบปัญหาทางวิชาการ การแก้ไขปัญหา กิจกรรมที่เราเข้าร่วม โดยเฉพาะพวกค่ายอาสาและกิจกรรมสาธารณประโยชน์ต่างๆ สำหรับน้องที่ไม่มีผลงานด้านโอลิมปิก ให้พยายามหาผลงานทางวิชาการด้านอื่นมาชดเชย (จริงๆรอบนี้ กำหนดเกรดไว้ค่อนข้างสูงแล้ว ถ้าทำให้กรรมการเค้ามั่นใจได้ว่าเกรดที่น้องได้ มันคือของจริง ไม่ใช่ปล่อยเกรด ก็น่าจะผ่านประเด็นเรื่องวิชาการไปได้) ที่สำคัญที่สุดคือ ถ้าน้องอยากเข้ารอบนี้ น้องก็ควรเตรียมทำกิจกรรม และสร้างผลงาน สะสมรางวัลต่างๆไว้ให้มากๆ
หนังสือแนะนำตัว
อันนี้ ให้ครูประจำชั้น ครูแนะแนว หรือผู้อำนวยการโรงเรียน เขียนแนะนำว่า ทำไมน้องถึงเหมาะสมที่จะเป็นเภสัชกร ดังนั้น หากอยากเตรียมตัวไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เราอาจต้องทำอะไรที่แสดงให้ครูที่จะเขียนแนะนำให้เราเห็นว่า เพราะอะไรเราจึงเหมาะจะเป็นเภสัชกร อันนี้เราสามารถช่วยครูได้ หากเรามีผลงานหรือกิจกรรมด้านนี้เยอะ ครูก็จะเขียนได้ง่ายไปด้วย ทั้งนี้ ครูแต่ละคน เขียนได้ดีไม่เท่ากัน อีกทั้งยังมีเครดิตความน่าเชื่อถือไม่เท่ากันอีกด้วย ตรงเครดิต คงไม่เน้นมาก เพราะอาจารย์ไม่ค่อยรู้จักครูมัธยมหรอก แต่ถ้าได้ครูที่มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จัก อาจารย์ที่พิจารณารู้จักและให้การยอมรับ ก็ดี เพราะจะช่วยเพิ่้มความน่าเชื่อถือให้กับเราได้บ้าง (แต่ไม่ต้องสนใจมาก ผลงานในแฟ้มสำคัญกว่า)
เป็นไงบ้าง กับรอบแรก ถือว่าเป็นรอบที่กำหนดคุณสมบัติไว้ค่อนข้างสูง แต่ก็แลกกับการที่ไม่ต้องสอบนะครับ
รอบ 2 รอบโควต้า มีรับภาคปกติ
จริงๆ รอบนี้ ของ มข. มันก็อวตารของโควต้าภาคอีสานใน มข. สมัยก่อนนั่นเอง สำหรับรอบนี้
- รับเฉพาะนักเรียน ม.6 ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
- ไม่กำหนดเกรด
รอบนี้ วัดกับที่คะแนนสอบล้วนๆ รับ 45 คน คะแนนที่ใช้พิจารณาคือ คะแนนวิชาสามัญ กับ PAT 2
จะเข้ารอบนี้ควรเน้นวิชาไหนดี ?
ก่อนที่เราจะรู้ว่าควรเน้นวิชาไหนดี เรามาดูสัดส่วนคะแนนของรอบนี้กันก่อนดีกว่า
- วิชาสามัญ ใช้คะแนนดังนี้
– ไทย 11.42%
– สังคม 11.43%
– อังกฤษ 11.43%
– คณิต 11.43%
– ฟิสิกส์ 11.43%
– เคมี 11.43%
– ชีวะ 11.43%
- PAT 2 ใช้ 20%
หมายเหตุ คะแนนวิชาสามัญ (ไทย สังคม อังกฤษ คณิต ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ) ต้องไม่น้อยกว่า 25%
จะเห็นได้ว่า ใช้มันทุกวิชาเลย ในวิชาสามัญ น้ำหนักคะแนนเท่าๆกันหมดเลย แต่ถ้าพิจารณาว่าใช้ PAT 2 ร่วมด้วยอีก 20% ดังนั้น น้ำหนักจึงค่อนไปทางวิทยาศาสตร์พวกฟิสิกส์ เคมี ชีวะ เยอะกว่าวิชาอื่นๆหน่อย ถึงอย่างนั้น ถ้าสัดส่วนคะแนนออกมาเป็นแบบนี้และน้องมีเวลาเตรียมตัวมากพอ พี่ไม่อยากให้ทิ้งสักวิชานะครับ เพราะการเอาวิชามาดึงอีกวิชา เป็นเรื่องที่เหนื่อยมาก สมมติน้องอยากได้คะแนนเฉลี่ย 60% หากน้องทิ้ง 1 วิชา แล้ววิชาที่น้องทิ้งได้ 30% หมายความว่าอีกวิชาน้องจะเอามาดึงต้องได้ถึง 90% ถึงจะดึงคะแนนกลับมาได้ 60% เหมือนเดิม (ในกรณีที่วิชาอื่นได้ 60% เท่าๆกันหมด) ทั้งนี้ หากเวลามีจำกัด แล้วต้องวางแผนว่าจะเก็บวิชาไหนเท่าไร วิชาไหนควรเน้น ควรผ่อน มันเป็นเรื่องปัจเจกนะครับ คงต้องแนะนำเป็นรายบุคคลไป เพราะน้องแต่ละคนมีปัญหาไม่เหมือนกัน มีวิชาถนัด และวิชาที่มีปัญหาไม่เหมือนกัน มีพื้นฐาน+ประสบการณ์ไม่เท่ากัน ดังนั้นการวางแผนอะไรทำนองนี้ จึงต้องเป็น case by case ไป
ต้องทำคะแนนเท่าไรถึงติดรอบนี้ ?
เนื่องจากวันที่เขียนบทความนี้ ยังไม่มีสถิติคะแนนในระบบใหม่ของรอบนี้ออกมา อย่างไรก็ดี อย่างที่บอกไปว่ารอบนี้มันคือร่างอวตาลของโควต้าภาคอีสานในระบบเดิม จึงพอเอาคะแนนในรอบโควต้าภาคอีสานมาอ้างอิงได้บ้าง น้องลองเข้าไปดูสถิติคะแนนเก่าๆได้ที่ลิ้งนี้ครับ >>>>> https://www.tobepharmacist.com/คะแนนสอบเภสัช/สถิติคะแนน-โควต้าภาคอีส/
สำหรับสถิติอื่นๆ รวมทั้งสถิติคะแนนล่าสุดจากทาง มข. ติดตามได้ที่ลิ้งนี้ครับ >>>>> https://admissions.kku.ac.th/Stat
จากคะแนน จะเห็นได้ว่าคะแนนต่ำสุดของเภสัช มข. อยู่ที่ 53 – 60 คะแนนจากเต็ม 100 คะแนน อัตราการแข่งขันอยู่ที่ประมาณ 1:6 ครับ (แอบกระซิบนิดนึงว่าตอนรุ่นพี่สอบ รับ 30 คนสมัคร 2000 อัตราการแข่งขัน 1:67 แต่สมัยพี่ ตอนนั้น เลือกคณะก่อนสอบนะครับ แล้วเลือกได้แค่คณะเดียว ปัจจุบัน รู้คะแนนก่อน แล้วจึงได้เลือก ทำให้คนที่รู้ตัวว่าคะแนนไม่ถึงแน่ๆตัดสินใจไปเลือกคณะอื่น ทำให้อัตราการแข่งขันลดลงอย่างที่เห็น)
หากมองความเป็นจริง PAT 2 20% เนี่ย เอาจริงๆพี่ว่าน่าจะได้สัก 8-10 % กัน (คือได้ 120-150 จากคะแนนเต็ม 300 คะแนน) ถ้ามองว่าคะแนนในช่วง safe zone คือโอกาสติด 80%+ น่าจะอยู่ที่ราวๆ 58-60 คะแนน เพราะฉะนั้นวิชาสามัญน้องควรได้จากวิชาสามัญ 7 วิชาอีกอย่างน้อย 48 – 50 คะแนน จาก 80 คะแนน หรือราวๆ 60% นั่นเองครับ
รอบ 3 รับตรงทั่วประเทศ คณะเภสัช มข. มีรับภาคพิเศษกับอินเตอร์
ของปี 61 นี้ เภสัช มข. ไม่ได้เข้า กสพท. แต่รับของตัวเองอีกรหัสของภาคพิเศษกับอินเตอร์
รอบนี้ ถือว่ายังใหม่มาก ณ วันที่เขียนบทความนี้ ยังไม่มีสถิติคะแนนใดๆทั้งสิ้น อีกทั้งพี่คิดว่าคะแนนน่าจะเฟ้อมาก เพราะเชื่อว่าคนรอง กสพท. ก็น่าจะรองเภสัชพวกรหัสแยกต่างๆไม่น้อย ซึ่งพี่คิดว่ารอบนี้ ในปีต่อมา น่าจะมีการปรับรายละเอียดในเรื่องของการรับอีกมาก ถึงจะเริ่มอยู่ตัว
รอบนี้ภาคพิเศษรับ 45 คน ส่วนอินเตอร์รับ 45 คน รอบนี้รับเด็กซิ่วด้วยนะ
สิ่งที่น้องต้องเตรียมมีดังนี้
เกรด+คะแนนอื่นๆ
รอบนี้ทั้งภาคพิเศษและอินเตอร์ กำหนดเกรดขั้นต่ำไว้ที่ 3.00
สำหรับภาคอินเตอร์ เตรียมผลการสอบวัดความสามารถด้านภาษาอังกฤษดังนี้
– TOEFL ไม่น้อยกว่า 50 (IBT), 400 (PBT), 150 (CBT) หรือ
– IELTS ไม่น้อยกว่า 5.0 หรือ
– TOEIC ไม่น้อยกว่า 500 หรือ
– KEPT ไม่น้อยกว่า 62
หมายเหตุ 1 ภาคพิเศษ คะแนนวิชาสามัญ (ไทย สังคม อังกฤษ คณิต ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ) ต้องไม่น้อยกว่า 25%
หมายเหตุ 2 ภาคอินเตอร์ คะแนนวิชาสามัญไทย สังคม คณิต ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ต้องไม่น้อยกว่า 25% และอังกฤษต้องไม่น้อยกว่า 40%
คะแนนสอบวิชาสามัญ + PAT 2
สัดส่วนคะแนนในปี 61 นี้ ใช้เหมือนของรอบ 2 โควค้าภาคอีสานเลยคือ
- วิชาสามัญ ใช้คะแนนดังนี้
– ไทย 11.42%
– สังคม 11.43%
– อังกฤษ 11.43%
– คณิต 11.43%
– ฟิสิกส์ 11.43%
– เคมี 11.43%
– ชีวะ 11.43%
- PAT 2 ใช้ 20%
รอบ 4 Admission
รอบ 4 เรื่องคุณสมบัติ ค่อนข้างเสรีนะครับ ไม่มีกำหนดเกรดขั้นต่ำ ไม่ปิดกั้นเด็กซิ่ว วัดกันที่คะแนนสอบล้วนๆ แต่ก็ควรจะทำเกรดให้ดีๆไว้เหมือนกัน เพราะใช้เกรดถึง 20% ของคะแนนสอบนั่นเองครับ
สำหรับในรอบนี้ ใช้สัดส่วนคะแนนดังนี้
– GAT 10%
– PAT 2 40%
– GPAX 20%
– O-NET 30%
จะเห็นได้ว่าไฮไลต์มันคือ PAT 2 เพราะใช้น้ำหนักถึง 40% แต่ส่วนอื่นๆก็ทิ้งไม่ได้นะครับ มีผลเหมือนกันหมด แต่ทำไมพี่ถึงบอกว่าไฮไลต์มันคือ PAT 2 นั่นเป็นเพราะว่าคนส่วนใหญ่มักทำคะแนน GAT ได้ดี เกรดที่โรงเรียนโอเค ส่วนโอเน็ตสำหรับคนสอบแพทย์ ทันต เภสัช ถูกบังคับด้วย กสพท. อยู่แล้วว่าต้อง 60%+ ซึ่งคนติดเภสัช O-NET เฉลี่ยก็อยู่ที่ประมาณ 60-65 กันเนี่ยแหละ ดังนั้น ใครเก็บ PAT 2 ได้เยอะ ถือว่าได้เปรียบมาก แต่มันก็เป็นวิชาที่เก็บยากที่สุดเหมือนกัน น้องบางคนอาจผ่อนๆ PAT 2 แล้วไปใส่เต็มสูบกับเกรดและโอเน็ต แต่ก็ต้องได้เยอะจริงๆนะครับ มันถึงชดเชย PAT 2 ได้ เพราะ 40% มันถือว่าเยอะมากจริงๆ
ต้องทำคะแนนเท่าไรถึงติดรอบนี้ ?
พี่เคยทำสถิติคะแนน Admission ของเภสัชไว้ในนี้ครับ >>>>> https://www.tobepharmacist.com/คะแนนสอบเภสัช/สรุปคะแนนสูง-ต่ำ-admission-เภสัช-56-60/
จะเห็นได้ว่าคะแนนต่ำสุดของเภสัช มข. จะอยู่ที่ 18752.5 – 20173.2 คะแนน จากเต็ม 30000 คะแนน หรือราวๆ 62.5 – 67.2 % นั่นเองครับ
มองแบบคร่าวๆสมมติเกรดน้องอยู่ที่ 3.5 ก็จะมีคะแนนอยู่ 5250 คะแนน ได้ O-NET 60% ก็จะมีคะแนนอีก 5400 ได้ GAT 80% ก็ได้คะแนนอีก 2400 คะแนน น้องก็จะมีคะแนนในมืออยู่ 13050 คะแนน ขาดอีกราวๆ 6000 คะแนน จาก PAT 2 ดังนั้นน้องต้องทำ PAT 2 ให้ได้ประมาณ 150/300 นั่นเองครับ อันนี้พี่ยกตัวอย่างเฉยๆนะ เพราะการวางแผนคะแนน มันขึ้นอยู่กับคนๆนั้น ปัจจัยของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ที่พี่ยกตัวอย่าง พี่พยายามให้เห็นว่าคนส่วนใหญ่ที่ติดเภสัชรอบนี้ ส่วนมากเค้าได้คะแนนส่วนไหนกันประมาณเท่าไร
แล้วเตรียมตัวอย่างไรดี ?
อย่างที่พี่บอกไปว่า พี่ร้างสนามสอบมานาน เรื่องแนวข้อสอบ หนังสือติว สถาบันกวดวิชา พี่ไม่ได้อัพเดทแล้วว่าอันไหนเป็นยังไงบ้าง แต่พี่ขอให้เคล็ดไว้แบบนี้ครับ
- เรียนในห้องรู้เรื่องไหม ถ้าคิดว่ารู้เรื่อง อ่านทบทวน ทบทวนแล้วจำโจทย์ ถ้าไม่รู้เรื่องเรียนพิเศษ+หาหนังสืออ่านเพิ่ม จากนั้นทำโจทย์
- ถ้าเราทำโจทย์ได้แต่ช้า แสดงว่าเราเข้าใจแล้ว แต่ยังไม่ชำนาญ ให้ฝึกทำโจทย์เพิ่ม ถ้าทำไม่ได้ แสดงว่ายังมีส่วนที่เรายังไม่เข้าใจ ให้ไปศึกษาเพิ่มเติม
ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆครับ เรียน อ่านทวน ทำโจทย์ แค่นี้แหละ ต่อไปเป็นเทคนิคเฉพาะวิชานะ
- คณิต ทำโจทย์ ทำโจทย์อย่างเดียวเท่านั้นครับ สูตรกับนิยาม ใครก็ท่องได้ แต่ถ้าท่องแล้วไม่ฝึกทำ ไม่มีทางทำได้ วิชานี้เป็นวิชาทักษะ เหมือนขับรถ ว่ายน้ำ แรกๆมันจะโครตยาก พอทำเป็นแล้วมันจะโครตง่าย อย่าลืม มันเหมือนว่ายน้ำ ไม่มีใครว่ายน้ำเป็นเพราะอ่านคู่มือฉันใด ก็ไม่มีใครเก่งเลขด้วยการท่องนิยามและสูตรฉันนั้น
- ฟิสิกส์ เป็นวิชาทักษะเหมือนเลข แต่ง่ายกว่า สำคัญคือ รู้ให้ได้ว่าหัวใจสำคัญของเรื่องนั้นคืออะไร เช่น กฏนิวตัน F=ma แค่นั้น ไม่ต้องจำไรเยอะ ที่เหลือ ทำโจทย์ ทำโจทย์ล้วนๆ ฟิสิกส์ สำคัญเลยคือ อ่านโจทย์แล้ว วาดรูปออกมาให้ได้ วาดให้ถูก จากนั้นแกน แรง และเวคเตอร์ต่างๆ มันจะโผล่มาให้เราเห็นหมด แต่การที่เราจะทำแบบนั้นได้ เราจะต้องฝึกทำโจทย์จนชำนาญครับ
- เคมี ต้องเข้าใจ จำได้ ทวนบ่อยๆ และหัดทำโจทย์ครับ
- ชีวะเข้าใจ อ่านซ้ำ จดสรุป แล้วทำโจทย์
- อังกฤษ เป็นวิชาทักษะเหมือนฟิสิกส์กับคณิต แต่อันนี้ให้เน้นฟังเยอะๆ เขียนเยอะๆ อ่านเยอะๆครับ ทำไมคนถูกทิ้งที่ต่างประเทศอยู่ไปนานๆถึงสื่อสารได้ เพราะเค้าอยู่กับมันทุกวันครับ ภาษาอังกฤษก็เหมือนกัน อยากเก่ง ต้องหัดใช้ หัดพูด หัดอ่าน หัดเขียนบ่อยๆ
- สังคม อ่านเยอะๆ พยายามจำเป็นเรื่องราว พยายามอย่าไปทำจำว่าปฏิวัติปี 2475 คืออย่าไปจำเป็นจุดๆ แต่ให้จำเป็นเรื่องราว ไล่ timeline มาว่า เกิดอะไรขึ้นมาบ้าง จากนั้นใครทำอะไร เกิดอะไรขึ้นตรงนี้ จากนั้นค่อยใส่รายละเอียดลงไปครับ เหมือนทำไมเราเรียนประวัติศาสตร์มาตั้งนาน แต่จำไรไม่ได้เลย พอมาดูบุพเพสันนิวาสแล้วเข้าใจหมด อันนี้ก็เหมือนกันครับ ต้องจำเป็นเรื่องราว เหมือนเรื่องเล่า แล้วค่อยๆใส่รายละเอียดลงไป ยกเว้น เรื่อง เศรษฐศาสตร์ และกฏหมาย ที่ทำแบบนี้ไม่ได้นะ (คือคงทำได้แหละ แต่มันยากหน่อย ใช้ความเข้าใจแบบอื่นง่ายกว่า)
- ไทย เข้าใจ จำส่วนที่ต้องจำ มันจะเป็นเรื่องง่ายมากถ้าน้องมี sense ของนักภาษา แต่ถ้าน้องไม่มี sense น้องจะเกิดคำถามว่า ทำไม กูตอบอันนี้ไม่ได้หรอวะ ผิดตรงไหน ซึ่ง sense นี้ ได้มาด้วยการฝึกครับ ทำโจทย์เยอะๆแล้วจะเข้าใจเองว่า ตรรกะของภาษามันเป็นแบบไหน
เรื่องที่เรียนต่างๆ พี่ขอยกคำตอบของน้องเอิร์น ซึ่งน้องเค้าสอบติดเภสัชศิลปากร และเคยช่วยงานพี่ทำเพจอยู่พักนึงนะครับ (ขออนุญาตก็อปมาทั้งดุ้นเลยนะครับ)
เภสัชศิลปากรมันต้องสอบความถนัดด้วยอ่ะ พี่อ่านชีทของ p’Benz เภสัชศิลปากร แล้วก็อ่านพาร์ทเชาว์ของondemandแล้วก็ต้องท่องศัพท์ภาษาอังกฤษเยอะ
เลข ทำข้อสอบเก่าเลยค่ะ แนะนำของพี่ณัฐ อุดมพาณิชย์ เล่มสีชมพู และเรียนพิเศษเอา
อิ้ง พี่เรียนของเอ็นคอน ทำข้อสอบที่เค้าให้มาให้หมดเพื่อปรับพื้นฐาน ท่องศัพท์4หน้าครํสมศรี แล้วก็เอาข้อสอบเก่ามาทำ
ฟิสิกส์ เรียนพี่โหน่งออนดีมานด์ ทำจ้อสอบที่เค้าให้มาให้ได้เยอะที่สุด และซื้อข้อสอบเก่ามาทำ(แนะนำเล่มติดหมอ)
เคมี เรียนอุ๊ ทำโจทย์
ชีวะ อ่านพี่เต้นท์(ทุกคนมีติดบ้านอยู่แล้วเนอะ5555) ทำโจทย์เยอะๆๆๆๆๆๆ
ปล. ของเภสัช มข. ไม่ต้องสอบความถนัดนะ แต่พี่ก็อปคำตอบของน้องเค้ามาทั้งดุ้น จึงมีเภสัชศิลปากรติดมาด้วย
Share this: