รีวิวการอ่านหนังสือฉบับ นศภ. ปีสาม

เชื่อว่าไม่ว่าจะสำหรับใคร จะนักเรียน นักศึกษา หรือแม้กระทั่งวัยทำงาน (ที่ต้องอ่านหนังสือ) การอ่านหนังสือคงเป็นยาขมของใครหลาย ๆ คน และแน่นอนว่าสำหรับเหล่า นศภ. ก็ต้องเป็นกลุ่มนักศึกษาที่ต้องอ่านหนังสือกันอย่างบ้าคลั่ง (…) กลุ่มหนึ่งอยู่แล้ว แอดเองก็ผ่านประสบการณ์มาพอสมควร เลยอยากจะนำมาแบ่งปันประสบการณ์การอ่านหนังสือให้ทุกคนกันค่ะ

การอ่านหนังสือที่มีประสิทธิภาพสำหรับแอด ไม่ใช่การอ่านรวดเดียวจบ แต่เป็นการอ่านโดยแบ่งเป็นช่วง สมมติว่า ชีทของเนื้อหาบทหนึ่งที่แอดอ่านมีประมาณ 70 หน้า (คือมันจะเป็นสไลด์ Powerpoint 70 สไลด์…ไม่ต้องตกใจไปค่ะ คณะเภสัชที่แอดเรียนบางทีเรียนกันเป็นร้อยสไลด์ และแน่นอนว่าในร้อยสไลด์นั่นบางที อ. พูดจบภายในชั่วโมงเรียน…ทำได้ไง)

สิ่งแรกที่ทำคือ แอดจะ (พยายาม) ไม่แตกตื่นกับจำนวนสไลด์ที่ต้องอ่าน แต่จะเริ่มแบ่งเนื้อหาออกเป็นสามช่วง ก็จะตกช่วงละประมาณ 23 สไลด์ (เป็นไง เบาลงเยอะ) จากนั้นก็จะอ่านไปตามจำนวนที่ตั้งไว้ พอครบจำนวนแล้วก็เบรค โดยเบรคนึงก็จะประมาณ 15-20 นาที ไปเล่นโซเชียล อ่านนิยาย หรือนอน (ถ้าตื่นขึ้นมาได้) อะไรก็ว่าไป ก็จะใช้เวลาเพิ่มขึ้นนิดหน่อยจากการเบรค แต่มันก็เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการอ่านหนังสือขึ้นมาด้วย

ปัญหาต่อมาคือ ในวันหนึ่ง ๆ เราไม่ได้อ่านเนื้อหาแค่ชีทเดียว ในวันหนัก ๆ บางทีแอดต้องมานั่งอ่านเนื้อหาในระดับหลักร้อยสไลด์ให้จบในวันเดียว (โอ้มาย…)
ซึ่งการอ่านใสปริมาณที่เยอะแบบนั้น มันก็ต้องนั่งอ่านทั้งวัน เครียดกันทั้งวันอยู่แล้ว แล้วจะทำยังไงดีล่ะ?

คำตอบคือ พยายามผ่อนคลายตัวเองให้ได้มากที่สุดในตอนที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ค่ะ

หยุดค่ะ อย่าเพิ่งเอาหนังสือตบหัวแอด แอดรู้ค่ะว่ามันหนักเพราะแอดก็เจออยู่ 5555555 แต่จริง ๆ แล้ว

มันยังพอมีบางหนทางที่พอจะช่วยลดความเครียดขณะอ่านหนังสือให้เราได้อยู่

วิธีหลักที่แอดใช้ คือ การฟังเพลงขณะอ่านหนังสือค่ะ

เป็นวิธีที่ได้ผลที่สุด และแอดก็ใช้มันมากที่สุดตั้งแต่เริ่มอ่านหนังสือมา ฟังไปเลยค่ะ เพลงอะไรก็แล้วแต่คน ฟังเพลงไป ร้องเพลงไป ตาก็อ่านหนังสือไป
แล้วถ้าฟังเพลงยังไม่พอล่ะ?

วิธีต่อมาคือ เอาขนมมาล่อ (ตัวเอง) ค่ะ 55555 วิธีนี้คิดว่าหลายคนคงเคยใช้ มีมั้ยคะว่าตั้งเป้าไว้ว่า เดี๋ยวอ่านอันนี้เสร็จแล้วจะไปหาของอร่อย ๆ กินนะ วิธีนี้ก็ได้ผลเหมือนกันค่ะ เพิ่มแพชชันในการอ่านได้เยอะพอสมควร 😂

แล้วถ้าเราอ่านหนังสือแบบผ่อนคลายแล้ว เอาขนมมาล่อแล้ว แต่ดันง่วงล่ะ ทำยังไงดี?

ทางออกของแอดมีสามทางค่ะ

ปกติแอดจะเริ่มจากกระดกคาเฟอีนก่อน 555555 แอดเป็นคนไม่ค่อยกินกาแฟถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ ดังนั้นหลัก ๆ ที่แอดกินแก้ง่วงจะเป็นชา (ก็ไม่ได้หายง่วงเท่าไหร่หรอก กินเสร็จแล้วก็หลอก ๆ ตัวเองไปว่าเออ ตื่นแล้ว 55555)

วิธีที่สอง เป็นวิธีที่ไม่ค่อยจะน่าเชื่อเท่าไหร่ว่ามันช่วยได้จริง แต่มันก็ช่วยแอดมาได้หลายครั้งแล้ว นั่นคือ ไปล้างหน้าค่ะ 😂 ฟีลประมาณพระเอกซีรีส์เรื่องนึงมั้ง ตกใจที่ตัวเองรักนางเอกเลยวิ่งไปเอาน้ำสาดหน้าตัวเอง (…) แต่เราไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ 55555 ล้างหน้าล้างตาด้วยน้ำเย็น ๆ ให้มันชุ่ม ๆ แล้วค่อยเช็ดน้ำออก จะรู้สึกตื่นตัวขึ้นเยอะ และจะดีกว่าถ้าเราต้องเดินไปล้างหน้า การที่เราลุกขึ้นเดินบ้างอะไรบ้าง ก็ช่วยให้ตื่นตัวได้เหมือนกัน

และวิธีสุดท้าย นอนคับ 5555555 บางทีถ้ามันไม่ไหวก็นอน ถ้าสุดท้ายแล้วแอดต้องใช้วิธีนี้ แอดจะกำหนดเวลาตื่นที่ชัดเจนของตัวเองเลยว่า แอดอยากตื่นกี่โมง แต่โชคดีที่ตัวแอดเป็นคนตื่นเช้าได้อยู่แล้ว ดังนั้นแอดจะตื่นขึ้นมาประมาณตีสี่-ตีห้า เพื่ออ่านหนังสือต่อจากเมื่อคืน โดยหลังจากตื่นแล้วอาจจะไปล้างหน้าแปรงฟันให้สมองมันตื่นบ้างก่อนอ่านหนังสือ แล้วก็สู้ต่อ

เชื่อว่าถ้าน้อง ๆ เดินไปถามรุ่นพี่ที่อยู่คณะเภสัช น้องคงได้เทคนิคการอ่านหนังสือแบบสร้างสรรค์ ๆ ไม่ซ้ำกันแน่ นี่ที่พีค ๆ แอดเคยรู้มาว่ามีคนเอาเจลลดไข้มาแปะหน้าผากตอนอ่านหนังสือ 😂 คงน่าจะคล้าย ๆ ที่แอดวิ่งไปล้างหน้าตัวเองตอนอ่านหนังสือทุกสิบห้านาทีล่ะมั้ง (…)

เอาล่ะค่ะ ช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่หลาย ๆ มหาลัยกำลังเจอมรสุมการสอบไฟนอลอยู่พอดี เชื่อว่าไม่ได้มีแค่คณะเภสัชหรอกที่หนัก ก็คงจะหนักทุกคณะนั่นแหละ 5555 ไม่ว่าจะอยู่คณะไหน เรียนอะไร ก็มีความยากลำบากของตัวเอง และแต่ละคน แต่ละคณะก็จะมีวิธีรับมือและต่อสู้กับความลำบากเหล่านั้นแตกต่างกันไป

แอดก็ขออวยพรให้ทุกคน ทั้งรุ่นพี่ เพื่อน รุ่นน้องที่เรียนเภสัช หรือแม้กระทั่งรุ่นน้อง ม.ปลาย ที่อยากสอบเข้าคณะเภสัชทุกคน ขอให้ความพยายามของทุกคนประสบผลสำเร็จ สมหวัง หวังการเรียนก็เรียนดี หวังเงินก็ได้รวย หวังความรักก็ได้แฟน (…) และสุดท้ายนี้ เราจะต้องผ่านมรสุมไฟนอลนี้ไปด้วยกันให้ได้นะคะ

// โดนหนังสือทับ แอ่กกก


Share this:

Posted in การเรียนเภสัช.

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *