ตอบกระทู้
- ข้อความ
ล่าสุด มีถึงแค่ปี 64 ตามนี้
อีก 700 คน ถ้าไม่ได้ใช้ทุน ก็ไปทำงานอะไรก็ได้ครับ ไม่ต้องเสียค่าชดเชยครับ
เอาจริงๆจบมาปีละ 2000 คน มีคนลงใช้ทุนจริงๆ ประมาณ 400-700 คน ตำแหน่งก็มีปีละ 350-400 ตำแหน่ง
ถ้าไม่สมัครใจใช้ทุนแต่แรก ก็ไม่ต้องจ่ายชดเชยเหมือนกัน แต่ถ้าสมัครใจ แล้วได้ แล้วไม่เอา แบบนี้ถึงเสียเงินค่าปรับครับ
ขี้เกียจอ่ะ พี่อ่านไม่เยอะ แต่พี่ทำบุญมาดี คือพื้นฐาน ม.ปลายพี่ดี อันนี้แต่ละคนมันไม่เหมือนกันหรอก ส่วนตอนเรียนอ่านเยอะกว่าแน่นอน แต่ไม่ต้องกลัวไปหรอก ถึงตอนนั้น เราก็จะพยายามจนทำได้เองอ่ะแหละ
ถ้าให้เปรียบเทียบนะ มหาลัย เนื้อหา ม.ปลายทั้งหมด เรียนจบใหม่ในเทอมเดียวอ่ะ
แต่เนื้อหาก็ยังแค่ประมาณ 1/5 ของเทอมอื่นๆ
แต่มันไม่ได้ยากขนาดนั้น
เราเองก็จะเติบโตไปเรื่อยๆเหมือนกัน
เหมือนพี่บอกว่า หินก้อนหน้าลูกใหญ่มาก แต่ระหว่างทาง เราก็ได้ผลักหินก้อนใหญ่ขึ้นๆ จนถึงวันนั้นจริงๆ หินก้อนนั้นมันก็เท่าเดิมแหละ แต่มันไม่ได้ใหญ่เกินไปในความรู้สึกเราอีกต่อไป
มีหมอที่พี่สอบแพทย์ PI ได้ กับวิศวะคอม
เภสัช โตแนวกว้างได้ดี แต่โตแนวลึกได้ยาก
ถ้าต้องการหลักประกันเงินเดือน 4-5 หมื่น แล้วพอหางานได้ ไม่ยากมาก เภสัชให้ได้
แต่ถ้าจะไปทางลึก เป็นผู้เชี่ยวชาญ ชื่อเสียงโด่งดัง รายได้มากๆ มีทางที่ง่ายกว่าเภสัช ถ้าเราถนัดนะ
เพื่อนพี่ที่เรียนวิศวะคอม ตอนนี้เงินเดือน 120K ละ
มันอาศัยหลายๆอย่างประกอบกัน โอกาส จังหวะ ดวง ความสามารถโฟกัสแต่สิ่งที่เราควบคุมได้ก็พอ อะไรที่เราควบคุมไม่ได้แล้ว ปล่อยมัน ไม่งั้น มันจะกินพลังใจเรามากเกินไป
สุดท้ายถ้ามันไม่ได้จริงๆ ก็ค่อยคิดว่าจะเอาไงต่อ เริ่มใหม่ หรือไปทางอื่น
ชีวิตพี่ก็เจอทางแยกในชีวิตหลายครั้ง บางครั้งก็เลือกเดินได้ บางครั้งถูกบังคับเดิน และหลายครั้งก็อดสงสัยไม่ได้ว่า หากเราเดินทางนี้ในอดีตจะเป็นยังไง
แต่ก็ต้องกลับมาอยู่กับปัจจุบันให้ได้ และสนใจกับสิ่งที่ทำอยู่ เพราะถ้าเอาพลังไปคิดเรื่องที่เราควบคุมไม่ได้ มันจะเหนื่อยเกินไป
เรื่องทำไมพี่ถึงเรียนเภสัช มีแอดมินเคยเขียนไว้ 2 คน 2 บทความนะ ตามนี้
https://www.tobepharmacist.com/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1/%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A0%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%8A/ส่วนเรื่องไม่เก่ง ตอนเรียนเริ่มแรก คนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เก่งกันทุกวิชาหรอก ถ้าน้องอ่อนเคมีอ่ะ ปี 1 จะเหนื่อยหน่อย ต้องรีบปูพื้นฐานให้ทันเพื่อน
แต่ถามว่า มันไหม ตอบว่าทัน เพราะเพื่อนพี่อ่อนเคมี แต่ก็จบมาได้เยอะแยะ
ส่วนอังกฤษมันได้ใช้ตลอด แต่มันจะไม่ได้ยาก มันจะเป็นคำศัพท์เดิมๆซ้ำๆ เพราะฉะนั้น ถ้าน้องเรียน มันจะค่อยๆซึมซับไปเรื่อยๆเอง แต่ว่าต้อง active ช่วงแรกหน่อย ไม่งั้นช่วงแรกน้องจะลำบากในการเรียน เพราะชีท หรือตำราอะไรมักเป็นภาษาอังกฤษหมด แต่อย่างที่บอก มันศัพท์เดิมๆซ้ำๆ พอคุ้นชิน ก็จะง่ายไปเอง แต่ยิ่งเราชินได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งดี
อังกฤษมันเป็นวิชาทักษะ เหมือนว่ายน้ำ ฝึกว่ายน้ำแรกๆมันจะเหนื่อยและยากมาก แต่พอว่ายได้แล้ว อีกกี่ 10 ปี ก็ว่ายได้ตลอดไป
อันนี้มันไม่เป็นโรคต้องห้ามโดยตรง และยังไม่ได้เป็นโรคติดต่อร้ายแรงหรือน่ารังเกียจ ดังนั้นขึ้นกับกรรมการรับเข้าพิจารณาล้วนๆเลยครับว่า เค้าจะตีความเป็นโรคที่กระทบต่อการเรียนร้ายแรงไหม คือบางทีอาจารย์เค้าก็กลัวว่าถ้ารับมาแล้ว จะเรียนไหวไหม ถ้าป่วยอยู่อะไรแบบนี้ ดังนั้นถ้าให้พี่ตอบคือดุลยพินิจของกรรมการพิจารณารับเข้าครับ แต่ถ้าถามพี่ ถ้าเป็นเนื้องอกธรรมดา พี่ว่ากรรมการรับ ถ้าเป็นเนื้อร้ายระยะเริ่มต้นที่ยังไม่ใช่ขั้น 3 หรือ 4 พี่ว่าอาจารย์ก็รับครับ
อื้ม เอ๊ะ เอายังงี้ ตอนพี่จบน่ะ เรื่องงานไม่ต้องห่วงหรอก จบมาไม่เกิน 3 เดือนก็ได้งานกันหมดทุกคนแล้ว ยังพอมีเวลามานั่งเลือกด้วยซ้ำ รุ่นพี่ที่จบเค้าไปสดๆร้อนๆปีนี้ก็เป็นแบบนี้ แต่กว่าเราจะเรียนจบก็อีก 6-7 ปีนะ ถึงตอนนั้น ทุกอย่างอาจจะเปลี่ยนไปหมดแล้ว
กสพท.จะอยู่ในรอบ 3 ยื่นไม่ยื่นขึ้นอยู่กับเราครับ ถ้าเราตั้งเป้าว่าได้รอบอื่นๆไม่เอารอบ 3 หรือจะไปเอารอบ 3 มอที่ไม่เข้า กสพท. ก็ได้ แต่แนะนำให้ยื่นครับ เพราะว่าเป็นสนามใหญ่ของเภสัช ที่นั่งเยอะ
