พอดีเห็นกระทูู้ เรียนเภสัชมา 2 ปีจนตอนนี้อยู่ปี 3 ยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนเลยค่ะ เลยขอแนะนำดังนี้
จริงจังเลยนะ ถ้าน้องเรียนเภสัช ปี 1 คือโอกาสทอง คว้าไว้ให้ได้ เพราะเป็นปีที่มีเวลาเยอะสุด ได้ทำกิจกรรมเยอะสุด เจอเพื่อนคณะอื่นบ่อยสุด หลังจากนั้นโอกาสจะตีบตันลงเรื่อยๆ หรืออย่างน้อยที่สุด ได้ไลน์ ได้เฟส ไว้เผื่อสานต่อความสัมพันธ์ก็ยังดี
ปี 2 ยังพอได้เจอเพื่อนในสายสุชภาพเหมือนกันบ้าง
พอมาปี 3 ปี 4 น้องอาจต้องเก็บตกผู้ชายที่มีอันน้อยนิดในคณะ ไม่ว่าจะเพื่อน รุ่นพี่ รุ่นน้อง โอกาสได้ออกนอกคณะน้อยมาก ถึงมีคนมาจีบ น้องก็จะมัวแต่ทำแลบ เขียน soap ปั่นรีพอต เตรียมพรีเซนต์ วนๆไปอยู่แค่นี้แหละ ถึงตอนนี้แนะนำว่า ถ้ามีโอกาส พยายามลงวิชาเลือกที่ได้ออกไปนอกคณะ แล้วอย่าไปเป็นกลุ่มใหญ่ ไปคนเดียวได้ยิ่งดี พยายามหาวิชาที่ต้องทำงานกลุ่ม มีโปรเจคได้ทำเป็นกลุ่ม อย่าลงวิชาที่เรียนแลคเชอร์อย่างเดียวแล้วไปสอบ
ปี 5 แยกสาขา โอกาสยิ่งน้อยลงไปอีก แต่เดี๋ยวก่อน ในเสียมีดี เพราะน้องจะได้ทำสัมมนา ทำโปรเจคกันช่วงนี้ ซึ่งแน่นอนว่าต้องทำกับอาจารย์ที่ปรึกษา แน่นอน อาจารย์ของน้องก็จะมีเด็ก ป.โท ป.เอก ในสังกัดด้วย ตรงนี้แหละน้อง เป็นโอกาสให้น้องได้ใกล้ชิดกับพี่ๆ ป.โท ป.เอก
ปี 6 ฝึกงาน โค้งสุดท้ายแล้วน้อง คราวนี้น้องจะได้เจอทั้งพี่แหล่งฝึก เพื่อนๆในสาขาอาชีพอื่นๆ รวมทั้งเพื่อนๆมหาลัยอื่น ถือว่าโอกาสเปิดกว้างกว่าปีก่อนหน้าเยอะมาก ถ้าพลาดตรงนี้ไปแล้วจะไปหวังที่ทำงาน บอกเลยว่า มันจะยากกว่ากันเยอะ
อีกเรื่องที่อยากฝากไว้ คือเรื่องการคบเพื่อนนะครับ ถ้าน้องอยู่แก๊งสาวโสด นั่นเป็นเรื่องอันตรายมากนะน้อง เพราะน้องจะชะล่าใจ น้องจะมีเพื่อนเที่ยว เฮฮา และรู้สึกว่าโสดไปก็ไม่เดือดร้อน ใครๆก็โสดกัน แต่ถ้าเพื่อนน้องมีแฟนกันหมด เพื่อนน้องจะไปเที่ยวกับแฟน ดูหนังกับแฟน ดึกๆอ่านหนังสือด้วยกันก็มีคนเอาขนมมาส่งให้กิน ในขณะที่น้องไม่มี ตรงนี้ มันจะกระตุ้นให้น้องรู้สึกว่า อยากมีใครสักคนบ้าง
เออ แต่มันจะมีอีกพวกนะ คือ ตอนเรียนบอกไม่มีแฟน แต่พอจบแล้วทยอยเปิดตัวกันพรึบพรับ ระวังไว้ให้ดี
ส่วนทางบ้าน เค้าจะชอบบอกว่า รอเรียนจบแล้วค่อยมีแฟน แต่ทันทีที่น้องเรียนจบ ระวังมันจะเปลี่ยนเป็น “เมื่อไหร่จะมีแฟนสักที” นะครับ
Share this: