วันอาทิตย์นี้มาอัพเดทอะไรเบาๆสมองนะครับ จากข่าว “อีลอน มัสค์”ตั้งสตาร์ท-อัพเชื่อสมองคนกับคอมพ์ มาดูความเป็นมาของมันสักหน่อย
ต้องบอกว่า AI หรือปัญญาประดิษฐ์นับเป็นเทรนด์แห่งโลกอนาคตที่หลักหนีไม่ได้ อนาคตยังไงเราก็ต้องอยู่กับมันแน่ๆ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง (เอาจริงๆ มันก็อยู่กับเราแล้วนะ โปรแกรมหลายๆอย่างที่เราใช้กันก็เป็นโปรแกรมปัญญาประดิษฐ์แล้ว เพียงแต่มันยังไม่ค่อยฉลาดเท่าไร ทำให้เราไม่ค่อยรู้สึกอะไร)
สตีเฟน วิลเลียม ฮอว์คิง บอกว่า “ถ้ามนุษย์อยากอยู่อย่างสงบสุข มนุษย์ต้องหยุดพัฒนา AI (ปัญญาประดิษฐ์)” ในขณะที่ อีลอน มัสด์ เห็นต่างออกไป
อีลอน มัสด์ ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น Iron man แห่งโลกความจริงด้วยผลงานก่อตั้ง palpay ก่อนจะขายทิ้งแล้วไปทำรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไร้คนขับ tesla
จากนั้นพี่แกก็คิดได้ว่า มนุษย์ไม่ควรอยู่แค่ดาวดวงเดียวเพราะมันเสี่ยงเกินไป จึงตั้งโปรเจค spaceX เพื่อส่งขนไปดาวอังคารให้ได้ 1 ล้านคน (ตามแผนคือแกจะสร้างยานที่ reuse ได้ไม่ต้องทิ้งเป็นขยะอวกาศ จากนั้นจะยิงนิวเคลียไปที่ขั้วโลกของดาวอังคารเพื่อสร้างชั้นบรรยากาศ จากนั้นจึงทยอยส่งคนขึ้นไป ปัจจุบันสามารถสร้างยานที่ขึ้นไปบนอวกาศแล้วกลับลงมาใหม่บนแท่นจอด ไม่ต้องทิ้งเป็นขยะอวกาศได้แล้ว)
จากนั้นพี่แกก็ผุดโปรเจคไปทำระบบขนส่ง hyperloop ต่อ (hyperloop คือการขนส่งด้วยท่อสุญญากาศ ทำให้ไม่มีแรงเสียดทาน ผลคือสามารถขนส่งด้วยความเร็ว 1,200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)
ทีนี้ อีลอน มัสด์ ก็พูดเองว่า “ยังไงซะ ในอนาคต มนุษย์ไม่มีทางสู้ AI ได้ล้านเปอเซนต์ สุดท้าย AI จะเหนือมนุษย์ในทุกๆด้าน” ซึ่งอันนี้นักวิทยาศาสตร์ระดับอัจฉริยะหลายคนเห็นด้วย บางคนอย่างเช่น ฮอว์คิง ก็บอกให้หยุดพัฒนาไปเลยซะดีกว่า แต่ อีลอน มัสด์ เห็นว่ามีทางออกที่ดีกว่านั้น
ทางออกที่ว่านั้นก็คือ ให้สมองมนุษย์เชื่อมกับ AI แล้วให้มนุษย์สั่งการ AI ผ่านสมองตัวเองไปเลย !!!!! เท่านี้ก็หมดปัญหา ฟังดูเหมือนเวอร์นะครับ แต่จริงๆแล้วมันทำได้ แล้วทำกันไปบ้างแล้วด้วย เพียงแต่การฝังขั้วไฟฟ้าในสมองในปัจจุบันยังมีความเสี่ยงสูงและใช้วงจำกัด ปัจจุบันโครงการนี้ติดปัญหาตรงที่สมองของมนุษย์มีแบนวิธน้อยเกินกว่าจะรับข้อมูลจาก AI ไหว ซึ่งในทางทฤษฎีมันก็พอที่จะแก้ปัญหาได้ แต่ในทางปฏิบัติก็ต้องศึกษากันต่อไป
หากโครงการนี้สำเร็จจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถของสมองมนุษย์ให้ทำงานได้ไม่แพ้ปัญญาประดิษฐ์ ทำให้มนุษย์มีความสามารถในการคำนวณ จดจำข้อมูลและเรียกใช้ข้อมูลต่างๆได้ภายในเสี่ยววินาที เรียกได้ว่าไม่ต้องเรียนหนังสือกันแล้ว !!!!!!!!!
ในขณะที่ประเทศของเรากำลังพยายามดัน Tech Startups แต่ประเทศอย่างสหรัฐอเมริกาและจีนได้ก้าวผ่าน Tech Startups มาสู่ยุค BrainTech Startups แล้ว ซึ่งประเทศที่มีความก้าวหน้าด้านนี้ที่สุดคืออิสราเอลครับ
มาอัพเดทกันให้ฟังนะครับ จะได้รู้ว่าตอนนี้โลกเค้าไปถึงไหนกันแล้ว เผื่อใครจะค้นพบไอเดียหรือแนวทางใหม่ๆของชีวิต
เครดิตรูปปก : By Allan Ajifo [CC BY 2.0], via Wikimedia Commons
Share this: