คราวที่แล้วพี่พูดถึง ภญ.ดร.อโณทัย งามวิชัยกิจ ก็มีน้องๆสนใจเรื่องเภสัชสายการตลาด สอบถามมาอยู่เหมือนกัน บางคนยังไม่รู้ว่าเภสัชกรมีบทบาทในด้านนี้ด้วยก็มี เอาเป็นว่า เดี๋ยวพี่มีเวลา พี่จะเขียนสรุปถึงสายงานของเภสัชกรแต่ละสายเลยละกันครับ อดใจรอกันสักนิด แต่วันนี้พี่จะมาพูดถึง การประชุม!!!
น้องรู้ไหมครับว่าหากน้องเป็นเภสัชกรจริงๆแล้ว ทำงานอยู่ร้านยา หรือทำงานในโรงพยาบาลที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อยา จะมีคนมาเชิญน้องไปประชุมบ่อยมาก (ถ้าอยู่โรงงาน หรือเป็นอาจารย์/นักวิจัย ก็ไปประชุมบ่อยเหมือนกัน แต่คนที่มาเชิญเราจะไม่ใช่บริษัทยา แต่เป็นบริษัทขายเครื่องมือการวิเคราะห์ และอุปกรณ์การผลิตต่างๆ หรือบางทีก็เป็นบริษัทขายสารเคมี) บ่อยจนเบื่อ ฟังฟรีจนหลับ กินฟรีจนเบื่อ (ทั้งๆที่ ความจริงแล้ว เราก็ไม่ค่อยมีเวลาไปสักเท่าไร)
เพราะอะไรรู้ไหมครับ?
การตลาดยามีความพิเศษในตัวของมันเอง “มันเป็นตลาดที่คนซื้อไม่ได้ใช้ คนใช้ไม่ได้ซื้อ” คือบุคลากรทางการแพทย์เป็นผู้ซื้อ/จัดหายาและเวชภัณฑ์ แต่เค้าเหล่านั้นไม่ได้ใช้เอง แต่เอาไปให้คนไข้ใช้ และยาเป็นสินค้าที่โดนควบคุมสูงมาก การตลาดและการโฆษณาแบบปกติ เป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะกฏหมายควบคุมเข้มงวดมาก แม้แต่การโฆษณายาพื้นๆธรรมดา อย่าง Tylenol ที่เราเห็นมีโฆษณาออกทีวี ก็ต้องขออนุญาตและตรวจสอบเนื้อหากันอย่างยุ่งยากและมากมายกว่าจะโฆษณาออกทีวีได้ เรื่องโฆษณาทางอินเตอร์เน็ตไม่ต้องพูดถึง อย่างไรก็ผิดกฏหมาย (ขายยาทางเน็ตก็ผิดกฏหมายเช่นกัน ใครเจอแจ้ง อย.ได้เลย) ดังนั้นงบการตลาดเกือบทั้งหมดจึงไปลงที่คนที่มีอำนาจตัดสินใจในการซื้อยาและบุคลากรทางการแพทย์ ที่เป็นผู้เลือกใช้ยาให้คนไข้ และหนึ่งในเครื่องมือที่บริษัทยาต่างๆชอบใช้มากเลยก็คือ “การประชุม”
รูปแบบของการประชุม
การจัดประชุมของบริษัทยาอาจจัดออกมาได้ในหลายรูปแบบ เช่น งานประชุม, สัมมนาวิชาการ, เก็บ CPE, Workshop , นิทรรศการยา ซึ่งบริษัทยา ก็จะมีจัดประชุมอยู่ไม่กี่แบบ มาดูกันครับว่า ในชีวิตเภสัชกร (โดยเฉพาะเภสัชกรร้านยาและโรงพยาบาล) น้องจะเจอการประชุมแบบไหนบ้าง
- บริษัทยาซื้อเวลา & จ่ายค่าอาหาร ส่วนมากงานแบบนี้ เค้ามักเชิญน้องไปงานประชุมบ้าง ไปฟังสัมมนาบ้าง แต่หลักๆคือพาน้องไปเลี้ยงน่ะแหละ เหมือนเป็นการน้องซื้อเวลาน้องที่น้องเสียเวลามา แต่หลักๆแล้วจะไม่ได้เน้นเนื้อหาวิชาการมากนัก เน้นพ่วงการเปิดตัวผู้บริหารใหม่ (ซึ่งมักย้ายมาจากบริษัทเก่าของที่อื่น) แนะนำสินค้าตัวใหม่ (หรือไม่ก็ re-package ยาเก่า เพื่อเตรียมปรับราคาใหม่)
- ประชุมแบบเนื้อหาวิชาการเข้มข้น งานประชุมลักษณะนี้มักจัดที่โรงเรียนเภสัช ตามคณะเภสัชศาสตร์ต่างๆ โดยมีอาจารย์เป็นผู้บรรยาย งานแบบนี้มักจัดยาวนานหลายวัน (ส่วนมาก 5-7 วัน) แต่คนที่มาฟังเอาไปใช้ได้หรือเปล่าก็ขึ้นอยู่กับลักษณะงาน หรือจะตั้งใจหรือเปล่าก็ขึ้นอยู่กับคนๆนั้น ก็มีทั้งคนที่ตั้งใจและคนที่มาเพราะอยากหาเรื่องโดดงานก็มี งานแบบนี้ทุกงานต้องมีแจกของที่ระลึก ได้ถุง ได้กระเป๋ามี logo การประชุม กลับไปด้วยเพื่อบอกเจ้านายว่ามาเรียนหนังสือ (แล้วนะ) ไม่ได้ลาไปทำอย่างอื่น
- การจัดการค้าปลีก มักจัดให้กับเภสัชกรร้านยา และมักมีไม่บ่อยนัก อาจเพราะจัดทัวร์ได้ยอดขายมากกว่า เนื้อหาที่จัดจะเน้นไปที่การต่อยอดทางความคิดให้เภสัชกรได้เรียนรู้และปรับตัวมาบริหารร้านยาให้มีประสิทธิภาพ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมบริษัทยาไม่ชอบจัด อาจจะกลัวร้านยาฉลาดกว่า แต่บางบริษัทเค้าก็มองว่าถ้าลูกค้าร้านยาเค้าไม่พัฒนาปรับปรุง อนาคตก็แพ้ร้านยา chain store ซึ่งทำให้เค้าเสียลูกค้าไปด้วย งานพวกนี้ ส่วนใหญ่คนที่สนใจจะเป็นเภสัชกรรุ่นใหม่ มีไฟ ไม่ก็เป็นคนที่มีหัวคิดแบบสมัยใหม่สักนิด แต่บางร้านที่เค้าคิดว่าเค้าเปิดมานาน เค้าเจ๋ง เค้าแน่ เค้าก็ไม่ชอบ เพราะเค้าถือว่าอาบน้ำร้อนมาก่อน ไปเอาใครที่สอนเค้า ทำไมเค้าต้องฟัง
- ออกบู๊ทแจกของ งานแบบนี้คนจะเยอะมากกกกก…..(ก ไก่ ล้านตัว) ยาขายไม่ดี ยาใกล้หมดอายุ ยาที่ขายพ่วง ยาใหม่ที่ลูกผีลูกคน เสียเงินโฆษณาไปตั้งเยอะ ยอดก็ยังไม่วิ่ง ขายไม่ออก ถึงเวลาเค้าก็เอายาพวกนี้ มาไล่แจกตามงานแบบนี้แหละ ลดปัญหา Stock บวมและการส่งทำลายยาหมดอายุ ก็เชิญร้านยามารับแจกของฟรี มาช่วยระบายของสักหน่อย เหมือน win win มาช่วยๆกัน
- เก็บ CPE ช่วงนี้กำลังมาแรงมาก เพราะต่อไปนี้เภสัชกรต้องเก็บ CPE ให้ครบ ไม่งั้นไม่มีสิทธิต่ออายุใบประกอบวิชาชีพ กลายเป็นว่างานประชุมไหน ได้ CPE ชั้นไปหมด เพราะกลัวจะเก็บ CPE ไม่ทัน กลายเป็นงานแบบนี้คนไปกันแน่นทุกงาน แต่ในเรื่องเนื้อหา คนฟังจะได้นำไปใช้หรือเปล่าไม่ทราบ ที่แน่ๆ สถาบันที่จัด ได้เงินไปแล้ว
เป็นไงครับ หากในอนาคตน้องเป็นเภสัชกรที่ได้เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อ จัดหายา ไม่ว่าโรงพยาบาล หรือร้านยา ก็จะมีคนเชิญน้องไปงานประชุมแบบนี้บ่อยๆแน่ๆ ในอนาคตอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ตามยุคสมัยและกระแสของตลาด แต่การประชุมแบบข้อ 1-4 ก็เป็นอะไรที่ classic อยู่คู่วงการตลาดยามาช้านาน (ข้อ 5 พึ่งเริ่มมีเมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมา) เพราะวงการยาจะไปทำการตลาดแบบอื่นมันก็ยาก มันโดนจำกัดด้วยกฏหมายไปซะหมด แต่ถึงวันนั้น ก็แล้วแต่น้องจะเลือกนะครับ ชอบแบบไหน อยากไปงานไหน ก็แล้วแต่จริต และเวลาของน้องครับ (หรือจะเลือกตามความอร่อยของอาหารและกาแฟ ก็แล้วแต่น้อง)
ขอบคุณข้อมูลจาก Utai Sukviwatsirikul PharmaTree Villa Market Sukhumvit Soi 49.
Share this: