สมัยก่อนใครมีข้อมูลมากกว่า คนนั้นชนะ สมัยนี้ ข้อมูลล้นจนเป็นขยะ เพราะฉะนั้นใครที่สามารถจัดการข้อมูลได้ดีกว่า มีทักษะสารสนเทศที่ดีกว่า คนก็นั้นชนะไป
หลังจาก facebook ปรับ reach ของ page ต่างๆลงเหลือ 0% พี่ก็รู้สึกว่า new feed ของพี่ เละไปเลย มีแต่ขยะเต็ม new feed
พี่เป็นคนนึงที่ให้ความสำคัญกับการรับข้อมูลข่าวสารมาก โดยเฉพาะคนทำเพจที่ต้องคอยหาเรื่องราวต่างๆมาอัพเดทตลอด แล้วถามว่าทุกวันนี้พี่รับข่าว 90% มาจากแหล่งไหน?
ใช่แล้ว คำตอบคือ facebook ครับ นั่นเป็นสาเหตุที่พี่ให้ความสำคัญกับ new feed ของ facebook มาก ก่อนจะ like เพจไหน พี่ต้องมั่นใจก่อนว่าเพจนั้นจะไม่สร้าง content ขยะมาให้กับพี่ น่าเสียดายที่ในความจริงแล้ว เพจขยะมีเยอะมาก จนคนที่เล่น facebook เริ่มทนไม่ไหว สุดท้าย facebook ก็เลือกฝั่งผู้ใช้งาน ตัดสินใจลด reach page ต่างๆลงเหลือ 0% หรือพูดง่ายๆก็คือ หากเพจนั้นไม่มี engagement power เลย ต่อให้มีคน like เพจนั้นเป็นล้าน facebook ก็จะไม่ปล่อยให้ใครเห็นแม้แต่คนเดียว เรียกว่าโหดใช่เล่นเลยแหละครับ หรือในอีกทางก็คือ หากน้องไม่เคยมีกดคลิกอ่าน กด like กด share เพจนั้นเลย เพจนั้นก็จะไม่แสดงใน new feed ให้เห็นอีกเลยตลอดกาล
พี่เองเคยทำเพจมาก่อน และเพจนี้ไม่ใช่เพจแรก ทำให้เห็นได้ชัดเลยว่าการปรับของ facebook รอบนี้แรงที่สุด จากแต่ก่อนโพสต์ธรรมดาๆ มีคน like สัก 3-4 คน facebook จะปล่อย reach ประมาณ 300 คน ตอนนี้ facebook จะปล่อยประมาณ 50 คนเท่านั้น
สำหรับคนทั่วไปที่ like เพจไว้เยอะๆคงชอบครับ เพราะไม่ต้องมานั่ง unlike ให้เสียเวลา แต่สำหรับคนที่จัดระบบ like อย่างดีมาตั้งแต่แรกแบบพี่ ถึงกับเซงเลยทีเดียว เพราะ feed จากเพื่อนโผล่มาจนล้นทะลัก แม้แต่เพื่อนกด like รูปหมา แมว ยังส่ง feed มาให้พี่อีก กลายเป็นว่าพี่ต้องมาเสียเวลาการ scroll ข้าม feed ขยะ เยอะกว่าที่เคย ในทางกลับกัน จากการที่ facebook ปรับลด reach ลงขนาดนี้ ทำให้เพจต่างๆต้องเอาตัวรอดด้วยการอัดโฆษณาเข้ามาเยอะขึ้น ผลคือ หน้า new feed พี่มีแต่โฆษณาขายของเต็มไปหมด
จะว่าไปก็อดคิดไม่ได้ว่า facebook เอง ตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์ก็เหี้ยมขึ้นทุกวันจริงๆ และตั้งแต่ปรับ feed ของ page เหลือ 0% รายได้ของ facebook ก็เพิ่มมาถึง 57% ซะด้วยสิ
สุดท้ายพี่ก็ทนไม่ไหวครับ มานั่งจัดระบบ feed แบบ manual ด้วยตัวเอง เพื่อนคนไหนดึกๆโพสต์แต่เรื่องผี หรือปล่อยตัวเองติดไวรัสปล่อยรูปโป๊ เป็นขาประจำแชร์เว็บ clickbait นี่พี่ unfollowed ทิ้งหมด
สำหรับเพจนั้น ก่อนพี่มานั่งจัด พี่มีเพจที่พี่ like อยู่ประมาณ 800 เพจ และหลังจากจัดเสร็จแล้ว สุดท้ายพี่ unlike ไปทั้งหมด 125 เพจ เพจไหนน่าสนใจพี่ก็ตั้ง see first จนเต็ม 30 เพจเลย (see first ตั้งได้เต็มที่ 30 เพจนะ เผื่อคนไม่รู้) แต่ตอนจัดระเบียบเพจนี่ทำให้พี่ได้เห็นอะไรหลายอย่างครับ
- พี่พบว่าเพจประมาณ 20% เป็นเพจที่ inactive ไปแล้ว คือ ไม่ได้อัพเดทอะไรมามากกว่า 1 ปีแล้ว แน่นอนว่าพี่ unlike ทิ้งหมดครับ
- พบว่าตัวเองสมัยเล่น facebook ใหม่ๆ ไร้สาระเหลือเกิน พี่พบว่าตอนพี่เล่น facebook ใหม่ๆนั้นคนทำน้อยมาก ทำให้มีเพจให้ like น้อยมากครับ น้อยมากจริงๆ การ like เพจ บางครั้ง พี่ like ไปเพราะมันบ่งบอกความเป็นตัวตนของพี่เฉยๆ เช่น แต่ก่อนเพจ official ของ มข. ยังไม่มี แต่มีใครไม่รู้สร้างไว้ พี่ก็กด like เท่ๆไปแบบนั้น ถือเป็นร่องรอยที่แสดงถึงความไร้สาระของตัวเองในอดีตได้เป็นอย่างดี ฮ่าๆๆๆๆ แน่นอนว่าเพจแบบนี้พี่ unlike ทิ้งหมด
- มีบางเพจที่ครั้งนึงเคยเป็นเพจที่ดีมาก แต่มันโดยขายไปซะแล้ว เพจแบบนี้มีอยู่ประมาณ 2-3% ของเพจทั้งหมด แน่นอนว่าพี่ unlike ไปอย่างไม่ลังเล
- บางเพจ แม้แต่มันจะไม่อัพเดทมานานแล้ว โพสต์แต่อะไรไร้สาระ แต่พี่ก็ unlike ไม่ลง เพราะบางครั้งพี่มีความทรงจำกับเพจนั้น เช่น เป็นเพจที่แฟนเก่าเปิดขึ้นมาเพื่อขายเสื้อผ้า และมีรูปแฟนเก่าสมัยเมื่อรักยังหวานชื่นอยู่ในนั้น เพจที่เพื่อนสนิท โทรมาขอให้ like เพราะต้องทำงานส่งอาจารย์ เพจที่คนที่เราแอบชอบกดแชร์แล้ว tag ข้อความซึ้งๆมาให้ เพจพวกนี้พี่ unlike ไม่ลงจริงๆ
สำหรับพวกกลุ่มต่างๆนั้น ปกติถ้าพี่ไม่เคยเข้าไป มันก็ไม่เด้งมากวนพี่อยู่แล้ว บางกลุ่มที่ส่ง notification มาเตือนบ่อยๆ พี่ก็ปิด notification ไป บางกลุ่มที่ดีๆ แต่ไม่ได้เข้าไปนานจนมันไม่เด้งมาอีก พี่ก็ตั้งเปิด notification ไว้ครับ
พี่เห็นจำนวนเพจที่น้องบางคน like แล้วพี่ตกใจ บางคน like ตั้ง 4,000 เพจ แล้วน้องไม่ได้เล่น social แค่ facebook ตัวเดียว ไหนจะ Twitter, Instagram, Pinterest บางคนมี Snapchat อีก นี่ยังไม่นับเวลาที่หมดไปกับสื่ออื่นอย่าง Youtube กับ Line อีกนะ นั่นทำให้น้องแทบไม่มีเวลาเหลือไปเสพสื่อกระแสหลักอีกแล้ว สื่อ social media กลายเป็นสื่อกระแสหลักของน้องไปเรียบร้อย ดังนั้น จัดระบบ new feed กันดีๆนะครับ เห็นเพจไหนดีมีประโยชน์ก็กด see first เอาไว้บ้างนะครับ
Share this: