สวัสดีและกราบขอโทษลูกเพจทุกคนค่ะ เนื่องจากโควิดทำพิษ บวกกับปัญหาเรื่องการเรียนบางอย่างที่เข้ามาทำให้แอดไม่สามารถครีเอทคอนเทนต์ได้อย่างต่อเนื่องเหมือนเมื่อก่อน เลยอาจจะเห็นว่าทำไมช่วงนี้แอดมินถึงหายๆ ไปบ้าง ไม่ว่ากันเนอะ 55555
เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า
วันนี้แอดมาพร้อมคอนเทนต์ใหม่ ขำนิดหน่อยแต่ไร้สาระมาก 5555555
เชิญอ่านได้เลยค่ะ
“รวมเรื่องที่คนมักเข้าใจผิดเมื่อพูดถึงคณะเภสัช”
1. เป็นคณะของเด็กเก่ง
ผิด-ผิด-ผิด สามผิดเลยค่ะ ความจริงแล้วเภสัชก็คณะทั่วไปที่มีทั้งเด็กเก่งและเด็กไม่เก่งปะปนกันไปนั่นแหละค่ะ นักศึกษาเภสัชหลายคนก็ตกอยู่ในสภาวะหนีเอฟ (เช่น แอดเป็นต้น 555555) ที่อ่านหนังสือกันเป็นบ้าหน้าหลังนี่ไม่ใช่ว่าอยากได้เกรดเอนะ หนีเอฟล้วนๆ 555555
ถ้าไม่เชื่อ ลองเดินไปถามเด็กเภสัชสักคนสิคะ “นี่ๆ เธอเรียนเก่งมั้ย” เด็กเภสัชก็คงจะแบบ “ห้ะ เราเนี่ยนะเก่ง!?” ประมาณนี้ 555555
2. เป็นคณะของเคมี
สุดยอดความเข้าใจผิดตลอดการของนักเรียน ม.ปลาย คือการเข้ามาเรียนเภสัชเพราะชอบเคมี ซึ่งแอดเองก็ได้พยายามย้ำทั้งในพื้นที่แฟนเพจ หรือแม้กระทั่งใน inbox ของน้องๆ หลายคนแล้วว่า ถ้าชอบเคมีแล้วมาเรียนเภสัช คือน้องเข้าใจผิดแล้ว 5555555
เภสัชเป็นคณะที่เจอทั้งเคมีและชีวะหนักมากและหนักพอๆ กัน ถ้าน้องเป็นประเภทชอบเคมีแต่เกลียดชีวะ น้องควรเลี่ยงคณะเภสัชไปให้ไกลที่สุด 55555 แต่ถ้าชอบเคมีและชอบชีวะ คณะเภสัชถือเป็นอีกตัวเลือกที่ดีมากๆ เลยแหละค่ะ
แต่ก็รับรู้ไว้หน่อยว่า คณะเภสัชจะเรียนเกี่ยวกับยาไม่ใช่เคมี มันก็ใช่ที่เคมีคือส่วนหนึ่งของยา แต่มันไม่ใช่ทั้งหมดของยาแน่นอน ชีวิตในรั้วเภสัชต้องเจออะไรที่กว้างและเยอะกว่าเคมีอีกมาก
3. เป็นคณะที่จบไปรับราชการเท่านั้น
คณะเภสัชฯ ทำอะไรได้มากกว่ารับราชการ นักศึกษาส่วนใหญ่ไม่ได้จบไปรับราชการ หลายคนเลือกที่จะไปทำงานเอกชน เพราะสายงานของเภสัชมันกว้าง และหลากหลายมากกว่าที่หลายคนเข้าใจ
4. จบไปเปิดร้านขายยาได้เท่านั้น
ย้อนกลับไปอ่านข้อสามใหม่ 55555 งานของเภสัชกว้างและหลากหลายมากกว่าที่เห็น เปิดร้านขายยานั่นคือส่วนหนึ่ง ในโรงพยาบาลก็อีกส่วน แต่ยังมีอีกหลายส่วนที่เรามองไม่เห็น เช่น เภสัชกรสายผลิต เภสัชกรการตลาด เภสัชกรฝ่ายขึ้นทะเบียนตามโรงงานยา หรือแม้กระทั่งเภสัชกรที่ทำงานใน อย. องค์การเภสัชกรรม ฯลฯ
5. ทำงานเป็นลูกน้องหมอ
ความเข้าใจผิดนี้มาจากคนใกล้ตัวแอดเอง และไม่ว่ายังไงก็เปลี่ยนความเข้าใจของเขาไม่ได้ 55555 ช่างเขาไป เอาแค่อย่างน้อยน้องๆ ที่เข้ามาไม่ต้องเข้าใจผิดด้วยเป็นพอ สายงานเภสัชกับหมอจริงๆ แล้วทำงานกันเป็นคาน คอยตรวจสอบความถูกต้องของกันและกันเพื่อผลการรักษาที่ดีที่สุดของคนไข้ และทั้งหมดนั่นเกิดขึ้นหลังห้องจ่ายยา ดังนั้นภาพที่คนทั่วไปเห็นเลยมีแค่เภสัชกรที่นั่งจ่ายยาไปวันๆ แต่จริงๆ แล้วเบี้องหลังห้องจ่ายยานั้นเภสัชกรยังต้องทำอะไรอีกมาก
6. เภสัช = หมอ
ความเข้าใจผิดที่หนักที่สุดที่แอดเจอคือมีคนคนนึงมาพูดกับแอดที่เรียนเภสัช ว่าอย่าฉีดยาเขานะ เขากลัวเข็ม (อ๋อ นักศึกษาเภสัชก็กลัวเข็มเหมือนกันค่ะ 5555TT5555) เภสัชไม่ได้ไปนั่งฉีดยาใส่ใครนะค้าาา แต่ถ้าผลิตยาฉีดนั่นอีกเรื่องนึง 5555555 เภสัชอาจจะวินิจฉัยอาการป่วยคนไข้เบื้องต้นและจ่ายยารักษาได้ ตามที่พบในร้านขายยาทั่วไป แต่ยังไงแพทย์และเภสัชกรก็คนละอาชีพและไม่มีทางฟิวชันเป็นอาชีพเดียวกันได้แน่นอนค่ะ
ความเข้าใจผิดพวกนี้บางทีก็เป็นเรื่องขำๆ แต่ถ้าเขาเอาจริงจังบางทีก็น่าปวดหัวเหมือนกันนะคะ 555555 เอาเป็นว่า เราก็พูดความจริงให้กับคนที่เขารับฟังเรา ใครที่เขาไม่ฟังก็ปล่อยเขาไปแล้วกันเนอะ แม้แต่แอดเองที่เรียนเภสัชอยู่แท้ๆ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดใครได้ทั้งหมด
แต่อย่างน้อยที่สุดแอดก็หวังว่าจะไม่มีน้องคนไหนหลงเข้ามาเรียนเพราะความเข้าใจผิด ดังนั้นก่อนเลือกเรียนคณะอะไร อย่าลืมศึกษาข้อมูลของคณะนั้นให้รอบด้าน ทั้งหลักสูตรเนื้อหาที่เรียน และอาชีพการทำงานต่างๆ
ถ้ามีอะไรสงสัย ก็สามารถ inbox เข้ามาสอบถามในเพจได้ตลอดค่ะ
ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ 😁
Share this: