เนื่องจากมีลูกเพจส่งคำถามที่น่าสนใจมาให้ แอดเลยขอเอามาขยายประเด็นค่ะ
ถ้าเป็น TCAS รอบ 3 ให้ทำคะแนนบวกมาสัก 5-10 คะแนน และรอบ 4 ให้บวกมาสัก 300-400 คะแนน ก็เพียงพอแล้วค่ะ
เหตุผลก็คือ คณะสายวิทยาศาสตร์สุขภาพเป็นคณะที่มีอัตราการแข่งขันสูง คนยื่นสมัครเยอะ ดังนั้น ช่องว่างระหว่างคะแนนสูงสุดและคะแนนต่ำสุดจึงมีน้อย
ลองยกตัวอย่างให้เห็นภาพเนอะ คะแนนแอดมิชชันต่ำสุดของเภสัชฯ มหิดล จะอยู่ที่ 19,4XX และสูงสุดอยู่ที่ 20,8xx จะเห็นว่าต่างกันแค่ 1,400 คะแนน หรือคิดเป็น 4.67% เท่านั้น
แต่ถ้าจะให้ยกคะแนนแบบเซฟโซนให้เป็นรูปธรรมจริงๆ สำหรับคนที่จะเข้ารอบ 3 แอดขอแนะนำให้ได้สัก 60+ ในรอบ กสพท และ 19,7xx ในรอบแอดมิชชันค่ะ
สำหรับ ONET อันนี้น่าจะเป็นพื้นฐานอยู่แล้วเนอะว่าคะแนนรวมต้องได้ 60% ขึ้นไป หรือคิดเป็นคะแนนดิบก็ 300/500 เพื่อให้มีสิทธิ์สอบ กสพท…ดูเหมือนจะง่ายแต่ตอนทำจริงก็ไม่ได้ง่ายๆ เลยนะ ข้อสอบโอเน็ตอาจจะดูง่ายกว่าข้อสอบอื่นๆ ก็จริง แต่ยังไงก็อย่าเท แนะให้ฝึกจากข้อสอบเก่าจะได้ไม่พลาด
สำหรับรอบ กสพท ให้เตรียมตัวโดยเน้นคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษเป็นหลัก เพราะสัดส่วนของสองวิชานี้เยอะมาก ถ้าให้ชัวร์คงต้องสัก 60-70% ไปเลย ส่วนรายวิชาอื่นๆ ก็พยายามประคองให้คะแนนไม่ออกมาแย่เกินไปนะคะ
และความถนัดทางการแพทย์ อันนี้อยากให้ได้ 20+ พี่เคยได้ยินคำพูดหนึ่งมาว่า ‘ความถนัดแพทย์เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอให้สอบติด แต่มันเพียงพอให้สอบไม่ติดแน่นอน’ เพราะงั้นก็พยายามอย่าพลาดนะ พาร์ทเชื่อมโยงพยายามเก็บเต็มให้ได้ พาร์ทไอคิวและจริยธรรมก็ฝึกจากข้อสอบเก่าเยอะๆ
และสำหรับรอบแอดมิชชัน ใครที่อยากเข้ารอบนี้ หรือหลุดมารอบนี้คงต้องทำใจกันหน่อยนะว่าจำนวณที่นั่งจะดรอปลงมาจากรอบ 3 มาก แต่ก็ใช่ว่าจะสู้ไม่ได้เลย และก็มีข้อดีตรงที่ไม่ต้องอ่านหนังสือกราดทุกวิชาเหมือนรอบ 3 เก็บแค่ PAT2 ให้ดีก็เพียงพอ (แต่อย่าเทวิชาอื่นล่ะ 555)
คะแนน GAT สัก 200+ ก็โอเคแล้วค่ะ สำหรับรอบนี้ใช้แกทแค่ 10% เพราะงั้นเลยไม่ส่งผลอะไรมาก
ที่อยากเน้นคือ PAT2 ที่ใช้สัดส่วนถึง 40% อันนี้ถ้าได้สัก 150+ จะดีมาก ข้อสอบ PAT2 เป็นข้อสอบที่ยาก ดังนั้น ถ้าสามารถทำคะแนนออกมาให้ดีได้ จะสามารถเอาชนะคนหลายคนในประเทศได้ค่ะ
ทั้งนี้ทั้งนั้น คะแนนเก็งอาจจะเปลี่ยนไปได้ตามความฝืด-เฟ้อของคะแนนในแต่ละปี ถ้าคะแนนฝืด (เช่นปี 61 ที่คะแนนฝืดมากๆ PAT2 แค่ 120 ก็เพียงพอให้สอบติดได้ หรือปี 58 ที่คะแนนเฟ้อสุดๆ คะแนน 120 อาจจะยังไม่เพียงพอ) แต่อย่างไรก็ตาม แอดก็ยังอยากให้น้องๆ มีแนวทางการอ่านหนังสือที่ชัดเจน และปรับปรุงพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ แล้วเป้าหมายจะไม่ไกลเกินเอื้อมค่ะ
ขอทิ้งท้ายหน่อยว่า โลกของการสอบเข้ามหาวิทยาลัยมันซับซ้อนกว่าที่คิด แค่เรียนเก่งได้เกรดดีอาจจะยังไม่เพียงพอ แต่เราต้องใช้ปฏิภาณไหวพริบ และก้าวทันโลก ทันระบบการสอบเข้าที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่เสมอ การศึกษาข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญ พี่อยากจะให้น้องๆ แอคทีฟตัวเองอยู่เสมอทั้งในด้านการอ่านหนังสือและการหาข้อมูล เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องเป็นผู้เสียเปรียบในการแข่งขันค่ะ
Share this: