ภายหลังการประกาศกำหนดระยะเวลาผู้รับอนุญาตขายยาแผนปัจจุบัน และผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตขายยาแผนปัจจุบัน พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยเฉพาะให้เภสัชกรปฏิบัติงานในร้านยา ตลอดเวลาที่เปิดทำการ ภายใน ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๕ เพื่อเสริมสร้างบทบาทของเภสัชกรชุมชนในการให้ความคุ้มครองความปลอดภัยด้านยาสู่ประชาชนตามภาระหน้าที่ในกรอบแห่ง จรรยาบรรณวิชาชีพ แล้วนั้น
สมาคมเภสัชกรรมชุมชน (ประเทศไทย) ขอแสดงความชื่นชมต่อแนวทางที่คณะกรรมการอาหารและยาได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี ๒๕๕๗ และผ่อนผันให้ร้านยาเข้าสู่ขบวนการปรับตัวมายาวนานกว่า ๘ ปี เป็นผลสำเร็จลุล่วงด้วยดี
ในขณะเดียวกัน เรามีข้อมูลที่น่าสังเกตเช่นกัน เกี่ยวกับอัตราความสามารถในการผลิตยาในประเทศเทียบกับ อัตราการนำเข้ายาในประเทศ ย้อนหลังไป ๓๐ ปี พบว่า ในช่วงเริ่มต้นนั้น อัตราการผลิตยาในประเทศ เทียบกับอัตราการนำเข้ายา เป็นสัดส่วน ๗๐ : ๓๐ พร้อมๆกับยอดรวมการใช้ยาทั้งหมดนั้น ไม่สูงมากนัก แต่เมื่อหันมามองสัดส่วนปัจจุบัน เราพบว่าอัตราส่วนความสามารถในการผลิตยา เทียบกับการนำเข้ายาจากต่างประเทศ มีสัดส่วนกลับข้างกันคือ ๓๐ : ๗๐ โดยที่ยอดอัตราการผลิต การนำเข้ายาก็เพิ่มขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา อันเป็นผลที่ตีความทั้งระบบการใช้ยาของประชากร มีการปรับตัวสูงขึ้น แต่อัตราการเติบโตของประชากรกลับลดลง เกิดกลุ่มสูงวัยที่มีอายุยืนยาวมากขึ้น ด้วยยามีคุณภาพ รูปแบบที่ดี และทันสมัย แต่กลับย้อนแย้งที่อัตราการเกิดกลับลดลง มีประชากรวัยหนุ่มสาว วัยทำงานที่ป่วยด้วยโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคไม่ติดต่อเรื้อรังถีบตัวสูงขึ้น มีวิธีการดำเนินชีวิตที่ดูแลสุขภาพ อาหารการกินที่ผิดสัดส่วน จนมีภาวะความเจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ และต้องใช้ยาในการรักษาดูแลก่อนวัยอันควร ส่งผลต่อรายจ่ายของการใช้ยาของประเทศไทยสูงขึ้นตลอดเวลา แม้เราจะมีความสามารถในการผลิตยาภายในประเทศมากขึ้นก็ตาม
ในมุมกลับกัน ระบบยาที่เพิ่มพูนมหาศาลขึ้นเรื่อย ๆ นี้ เกิดจากความเจ็บป่วยของประชากรในการดูแลรักษาสุขภาพตนเอง แต่เราก็ต้องไม่ลืมเช่นกันว่า ยังมีประชากรอีกส่วนหนึ่งที่ดูแลสุขภาพตนเองเป็นอย่างดี ไม่เจ็บไข้ได้ป่วยรุนแรง หรือไม่มีโรคเรื้อรังที่ต้องใช้ยา
เภสัชกรชุมชนควรกลับมาเสริมสร้าง บทบาททางวิชาชีพในการดูแลสุขภาพ ส่งเสริมสมรรถนะร่างกาย ให้กับประชาชนที่ไม่ป่วยหรือประชาชนที่ดูแลสุขภาพดี เภสัชกรควรมีทักษะในการแนะนำความรู้องค์รวม นอกเหนือจากเรื่องยา เพื่อให้ประชาชนมีพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง เป็นคนที่ป่วยยาก หายไว มีภูมิต้านทานและไม่มีโรคเรื้อรังร้ายแรง อันส่งผลต่อการลดการใช้ยาลง ลดงบประมาณด้านสุขภาพของตนเองและประเทศได้อย่างมาก
ทำอย่างไรให้คนที่ไม่ป่วย สบายดี ได้รับผลตอบแทนและมีกำลังใจที่จะดูแลสุขภาพ ไม่ให้ป่วยหนัก ไม่ให้กลายเป็นผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ควรเป็นโจทย์ที่รัฐบาลและพวกเราควรส่งเสริม ให้รางวัลแก่บุคคลเหล่านั้น ช่วยกันผลักดันให้เป็นโยบายสำคัญ ในการส่งเสริมคนสุขภาพดี ยังคงมีสุขภาพดีเช่นนั้นไปจนแก่เฒ่า กลายเป็นสังคมสูงอายุที่มีคุณภาพ เป็นประชากรที่ดี ไม่เป็นภาระให้คนรุ่นลูกรุ่นหลาน ช่วยเหลือตนเองได้อย่างมั่นคง
เภสัชกรชุมชน จึงควรปรับบริบท นอกเหนือจากการให้บริการด้านยาเพียงประการเดียวแล้ว ยังต้องปรับทัศนะมุมมองอีกด้าน ที่จะช่วยพยุงสังคมให้มีคุณภาพเช่นกัน
Share this: